“กลาโหม” ตบหน้า “แม้ว” หยันโฟนอินเพื่อตัวเอง-ไร้ประโยชน์ต่อส่วนรวม

“อภิชาต” ตบหน้า “น.ช.แม้ว” หยันโฟนอินโจมตี “กองทัพ-รบ.-องคมนตรี” เพียงเพราะต้องการปลุกระดมความรู้สึกของ ปชช.ให้เห็นใจ แต่ไร้ประโยชน์ต่อส่วนรวม เชื่อความนิยมในตัว “อดีตนายกฯ” ลดลง แนะอย่าดื้อดึง-ควรเก็บตัวเงียบเพื่อรอโอกาสกลับไทย ด้าน “ประวิตร” ไม่หวั่น นปช.ชุมนุมใหญ่ เชื่อสถานการณ์ไม่บานปลาย

วานนี้ (27 ก.ค.) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสู้ไม่ถอย โดยวิพากษ์วิจารณ์กองทัพ รัฐบาล และองคมนตรี อย่างรุนแรง ว่า ตนไม่ได้ดู พ.ต.ท.ทักษิณ พูด และในสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดนั้น อาจจะคิดไปเองหรือไม่ ถ้าคิดเองโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะปกติแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนฉลาด ไม่น่าจะคิดได้แค่นี้ อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะอยากเห็นความสงบสุขของบ้านเมืองมากกว่า ฉะนั้น อดีตนายกฯ ควรลองกลับไปคิดใหม่ ว่า สิ่งที่พูดเกิดประโยชน์กับตัวเอง และส่วนรวมหรือไม่ แต่ตนคิดว่าไม่น่าจะใช่ทั้งสองอย่าง เพราะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกมากกว่า

“ในอดีตที่ผ่านมา อดีตนายกฯ ที่เคยถูกปฏิวัติจนต้องออกนอกประเทศไป ไม่มีท่านใดทำอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำ และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ ซึ่งในที่สุดอดีตนายกฯ ที่ถูกปฏิวัติก็สามารถกลับสู่ประเทศไทยได้ แต่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอย่างนี้ คงเป็นเรื่องยากในการกลับเข้าประเทศไทย ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ผมคิดว่า ประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เท่าไร และถ้าสำรวจความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ น่าจะลดลงด้วยซ้ำไป มีคนที่สนใจฟังท่านโฟนอินเข้ามาในครั้งแรกๆ แต่ปัจจุบันลดลงไป เพราะพูดคล้ายๆ ของเดิม คือ พูดเพื่อปลุกปั่น เพื่อระดมปลุกความรู้สึกของประชาชนให้เห็นใจท่าน มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม” พล.อ.อภิชาต กล่าว

เมื่อถามว่า การออกมาพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นการฆ่าตัวเองหรือไม่ พล.อ.อภิชาต หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ท่านคิดของท่านเองดีกว่า ตนอยากฝากให้ท่านไปคิดให้มากกว่านี้ เพื่อทำอะไรให้กับประเทศชาติ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกดดันมากเกินไปหรือไม่ จึงต้องออกมาต่อสู้นั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่เห็นมีใครไปบีบ หรือไปกดดัน ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมก็น่าจะจบ ไม่น่ามีปัญหา แต่ที่เป็นอยู่นั้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังดื้อดึงอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

เมื่อถามอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับมาสู้คดีหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ นิ่ง ไม่ออกมาทำอะไรที่ไม่ถูกต้องสักระยะหนึ่ง สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น เพราะคนไทยลืมง่าย ไม่ได้ผูกใจเจ็บกับใคร หรือเป็นปัญหาอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะมีโอกาสได้กลับมาอยู่เมืองไทยได้ ส่วนเรื่องการถูกลอบสังหารนั้น เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดไปเองมากกว่า เพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรอยู่แล้ว ทั้งนี้ โดยส่วนตัวไม่ได้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดอะไร แต่ในสิ่งที่ทำลงไปอาจจะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ซึ่งตรงนี้น่าจะเข้ามาคุยกันพูดกันได้ โดยให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตัดสินตามที่ควรจะเป็น

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ให้ความเป็นธรรมนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ให้ความเป็นธรรม ก็คงไม่มีอะไรที่จะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนของประเทศได้ ฉะนั้น ตนยังยืนยันว่า กระบวนการยุติธรรมให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคนเท่าเทียมกัน

ต่อข้อถามที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวโจมตีกระบวนการยุติธรรม รัฐบาล กองทัพ และองคมนตรี จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ภาพลักษณ์ของรัฐบาล และกองทัพ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดถึง คงไม่มีปัญหา และไม่มีผลกระทบอะไร เพราะประชาชนเข้าใจ และคิดได้ ทั้งนี้ตนได้คุยกับเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายคนว่า ถ้ามีโอกาสได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ช่วยคุยนิดหนึ่งว่า ถ้าสงบนิ่งสักระยะหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นกับตัวเอง และประเทศชาติ

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่าถูกลอบสังหาร ว่า คงต้องถาม พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยังไม่เห็นข่าว ส่วนการรักษาความปลอดภัยหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีนั้น รัฐบาลก็บอกชัดเจนว่ากลับมาได้ ส่วนกรณีที่ปล่อยให้คนซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาโฟนอินเข้ามาถูกต้องหรือไม่นั้น คงต้องคิดเอง และปล่อยให้สังคมเป็นคนพิจารณา ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่า การโฟนอินในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ไม่น่าจะมีปัญหา

“การนัดชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหา และไม่น่าเป็นห่วง และเชื่อว่าเหตุการณ์การชุมนุมจะไม่บานปลาย เนื่องจากมั่นใจว่า ทุกฝ่ายมีความเข้าใจกันแล้ว ทั้งนี้ กองทัพจะยังไม่เข้าไปร่วมดูแลการชุมนุม เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยตรง แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็พร้อมที่จะสนับสนุนการดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุมหากมีการร้องขอจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องเตรียมพร้อมด้านกำลังในการเผชิญเหตุ