รบ.ถกด่วน หลังสื่อเทศประโคมข่าวกล่าวหาทหารไทยทารุณผู้อพยพโรฮิงยา ชาวพม่า ทั้งเร่งเชิญทูตพม่า บังกลาเทศ มาเลเซีย อินเดีย หารือถกมาตรการล้อมคอก ทั้งประสานงานข่าวกรอง ด้านโฆษก กอ.รมน.แจงทหารยึดหลักสิทธิมนุษยชนเต็มที่ ก่อนผลักดันกลับ เตรียมประสานพื้นที่แจง
วันนี้ (18 ม.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจพื้นที่ จ.ปัตตานี ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเตรียมประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา กรณีสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอข่าวกล่าวหาว่า ทหารไทยใช้มาตรการรุนแรง และทารุณกับกลุ่มผู้อพยพเข้าเมืองโรฮิงยา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวพม่า ในวันที่ 19 ม.ค.เวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนในช่วงบ่ายจะมีการประชุมหารือในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศ ระบุอีกว่า นอกจากนี้ จะมีการประสานและเชิญทูตของประเทศพม่า บังกลาเทศ มาเลเซีย และ อินเดีย เพื่อหารือถึงแนวทางการขอความร่วมมือ ในการปัญหาขบวนการลักลอบนำคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งปัญหาข่าวกรอง ซึ่งต้องหารือเป็นกรณีพิเศษ โดยการดำเนินการต้องยึดถือหลักของกฎหมายเป็นบรรทัดฐาน ควบคู่ไปกับหลักมนุษยธรรมด้วย
รมว.ต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกฝ่าย อาทิ กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ และฝ่ายการท่า นำเสนอและรายงานความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ต่างๆ ต่อทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสาร และการชี้แจงกับต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการประสานงานในการกำหนดทิศทางการแก้ไขปัญหาได้สะดวกขึ้น
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ชี้แจงถึงกรณีนี้ ว่า การดูแลผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในความดูแลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมอบหมายให้ กอ.รมน.รับผิดชอบ ซึ่ง สมช.มีนโยบายที่เคร่งครัดในการดูแล โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงเป็นหลัก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กอ.รมน.ยืนยันว่า ได้ดำเนินการโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน โดยควบคุมผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างมีระเบียบแบบแผนและขั้นตอน ก่อนผลักดันให้กลับไปทางช่องทางเดิม ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพแสดงความเป็นห่วงและกังวลกับข่าวที่ออกมา
พ.อ.ธนาธิป กล่าวด้วยว่า ในขั้นตอนต่อไป กอ.รมน.จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามหลักกฏหมายต่อไป ส่วนการชี้แจง เชื่อว่า ในระดับพื้นที่คงประสานงานกัน ทั้งนี้ในระดับที่สูงขึ้นไปคงประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศที่จะเชิญทูตต่างประเทศมาชี้แจงทำความเข้าใจ
