“พิเชฐ” โต้ “ไข่แม้ว” สุดแสบ ย้ำตราบาป นปก.บุกทำลายบ้าน “ป๋าเปรม” แต่ได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็น “โฆษก-ส.ส.” พร้อมยกกรณี “ลูกเป็ดเหลิม” ทำตัวเป็นแบบอย่างไม่ดีให้เยาวชน กลับได้นั่งเก้าอี้ “เลขาฯ รมว.สาธารณสุข” เผยยื่นหนังสือลาออกจากสภาพัฒนาการเมืองวันนี้เพื่อลบข้อครหา ก่อนเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาล
วานนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 22.00-23.00 น. นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานสภาฯ กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีการแต่งตั้งแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะนายประพันธ์ คูณมี ซึ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ห้องส่งเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน โดยนายพิเชฐ กล่าวว่า ผลพวงจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 นั้น รัฐบาลต้องส่งเสริม และจัดให้มีการเมืองภาคประชาชน จนท้ายที่สุดในช่วงปลายสมัยของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงมีการออก พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกรองรับโดยรัฐธรรมนูญ
“สภาพัฒนาการเมืองก็คือ การเมืองภาคประชาชน ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทด้านการสร้างสรรค์เอง คิดเอง และทำเอง โดยมีคณะกรรมการทั้งสิ้น 120 คน ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 นั้น มี 76 คน โดยคัดมาจังหวัดละ 1 คน ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ภาคประชาสังคม ซึ่งมาจากองค์กรสำคัญต่างๆ มีทั้งสิ้น 16 คน สำหรับกลุ่มที่ 3 นั้น เป็นตัวแทนจากพรรคการเมือง ซึ่งหัวหน้าพรรคเป็นคนเสนอชื่อเข้าไป ผมจึงเข้าไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนคณะกรรมการอีกกลุ่มหนึ่งมาจากสายนักวิชาการ” นายพิเชฐ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวเรื่องมีรายชื่อติดโผ ครม.ในครั้งนี้นั้น นายพิเชษฐ กล่าวว่า วันที่รัฐบาลประชุม ครม. ปรากฏว่า ตนได้รับการเสนอชื่อจาก รมว.สาธารณสุข ให้เป็นเข้าไปช่วยงานที่ รมว.สาธารณสุข แต่ในระหว่างที่ตนขับรถกำลังจะไปสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี รมว.สาธารณสุข ได้โทรศัพท์มาถามว่า การที่ตนเป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองนั้นจะมีผลอะไรหรือไม่ ตนจึงอธิบายไปว่า ตามกฎหมายแล้วมีข้อห้าม คือ ข้าราชการที่กินเงินเดือนของรัฐ แต่ตนไม่เข้าข่ายดังกล่าว เพราะสภาพัฒนาการเมืองไม่ได้มีกฎหมายห้ามไว้ แต่ท้ายที่สุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกรงว่าจะมีปัญหาจึงให้ชะลอเรื่องการเสนอชื่อตนเอาไว้เพื่อให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน โดยอาจจะมีการเสนอชื่อภายในสัปดาห์หน้า
“เมื่อวานนี้ รมว.สาธารณสุข ได้เชิญผมไปที่กระทรวงเพื่อพูดคุยกัน และได้ข้อสรุปว่าเพื่อให้ปัญหาทุกอย่างยุติ จึงเสนอให้ผมลาออกจากสภาพัฒนาการเมืองเสียก่อน ซึ่งผมก็ไม่ติดขัดอะไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์สามารถที่จะเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้าไปทำงานแทนตำแหน่งของผมได้ โดยวันนี้จึงมีการทำหนังสือไปถึงประธานสภาว่าผมมีความประสงค์ที่จะขอลาออก แต่ทั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแรงกดดันจากกลุ่ม นปช. หรือสื่อมวลชนที่เสนอข่าวว่ารัฐบาลแทนคุณพันธมิตรฯ” นายพิเชฐ กล่าว
นายพิเชฐ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่กลุ่ม นปก.บุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า หลังจากที่กลุ่ม นปก.ทำลายทรัพย์สินบ้าน พล.อ.เปรม และทำลายทรัพย์สินของ กทม. แต่บุคคลที่เป็นแกนนำเหล่านั้นกลับได้เป็นโฆษกรัฐบาล เป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน และเป็นที่ปรึกษา ซึ่งคนเหล่านั้นไม่เคยมีความผิด และไม่เคยมีความชั่วในสายตาของกลุ่ม นปก. โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งพูดถึงพันธมิตรฯ มาโดยตลอด มีลูกชาย 2 คน โดยคนหนึ่งได้ไปเป็นเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ถามว่าลูกชายของ ร.ต.อ.เฉลิม คนดังกล่าวสร้างคุณงามความดีอะไรไว้หรือไม่ มีแต่สร้างความวุ่นวาย และสร้างแบบอย่างไม่ดีแก่เยาวชน
วานนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 22.00-23.00 น. นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานสภาฯ กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีการแต่งตั้งแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะนายประพันธ์ คูณมี ซึ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ห้องส่งเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน โดยนายพิเชฐ กล่าวว่า ผลพวงจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 นั้น รัฐบาลต้องส่งเสริม และจัดให้มีการเมืองภาคประชาชน จนท้ายที่สุดในช่วงปลายสมัยของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงมีการออก พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกรองรับโดยรัฐธรรมนูญ
“สภาพัฒนาการเมืองก็คือ การเมืองภาคประชาชน ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทด้านการสร้างสรรค์เอง คิดเอง และทำเอง โดยมีคณะกรรมการทั้งสิ้น 120 คน ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 นั้น มี 76 คน โดยคัดมาจังหวัดละ 1 คน ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ภาคประชาสังคม ซึ่งมาจากองค์กรสำคัญต่างๆ มีทั้งสิ้น 16 คน สำหรับกลุ่มที่ 3 นั้น เป็นตัวแทนจากพรรคการเมือง ซึ่งหัวหน้าพรรคเป็นคนเสนอชื่อเข้าไป ผมจึงเข้าไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนคณะกรรมการอีกกลุ่มหนึ่งมาจากสายนักวิชาการ” นายพิเชฐ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวเรื่องมีรายชื่อติดโผ ครม.ในครั้งนี้นั้น นายพิเชษฐ กล่าวว่า วันที่รัฐบาลประชุม ครม. ปรากฏว่า ตนได้รับการเสนอชื่อจาก รมว.สาธารณสุข ให้เป็นเข้าไปช่วยงานที่ รมว.สาธารณสุข แต่ในระหว่างที่ตนขับรถกำลังจะไปสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี รมว.สาธารณสุข ได้โทรศัพท์มาถามว่า การที่ตนเป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมืองนั้นจะมีผลอะไรหรือไม่ ตนจึงอธิบายไปว่า ตามกฎหมายแล้วมีข้อห้าม คือ ข้าราชการที่กินเงินเดือนของรัฐ แต่ตนไม่เข้าข่ายดังกล่าว เพราะสภาพัฒนาการเมืองไม่ได้มีกฎหมายห้ามไว้ แต่ท้ายที่สุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกรงว่าจะมีปัญหาจึงให้ชะลอเรื่องการเสนอชื่อตนเอาไว้เพื่อให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน โดยอาจจะมีการเสนอชื่อภายในสัปดาห์หน้า
“เมื่อวานนี้ รมว.สาธารณสุข ได้เชิญผมไปที่กระทรวงเพื่อพูดคุยกัน และได้ข้อสรุปว่าเพื่อให้ปัญหาทุกอย่างยุติ จึงเสนอให้ผมลาออกจากสภาพัฒนาการเมืองเสียก่อน ซึ่งผมก็ไม่ติดขัดอะไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์สามารถที่จะเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้าไปทำงานแทนตำแหน่งของผมได้ โดยวันนี้จึงมีการทำหนังสือไปถึงประธานสภาว่าผมมีความประสงค์ที่จะขอลาออก แต่ทั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแรงกดดันจากกลุ่ม นปช. หรือสื่อมวลชนที่เสนอข่าวว่ารัฐบาลแทนคุณพันธมิตรฯ” นายพิเชฐ กล่าว
นายพิเชฐ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่กลุ่ม นปก.บุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า หลังจากที่กลุ่ม นปก.ทำลายทรัพย์สินบ้าน พล.อ.เปรม และทำลายทรัพย์สินของ กทม. แต่บุคคลที่เป็นแกนนำเหล่านั้นกลับได้เป็นโฆษกรัฐบาล เป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน และเป็นที่ปรึกษา ซึ่งคนเหล่านั้นไม่เคยมีความผิด และไม่เคยมีความชั่วในสายตาของกลุ่ม นปก. โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งพูดถึงพันธมิตรฯ มาโดยตลอด มีลูกชาย 2 คน โดยคนหนึ่งได้ไปเป็นเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ถามว่าลูกชายของ ร.ต.อ.เฉลิม คนดังกล่าวสร้างคุณงามความดีอะไรไว้หรือไม่ มีแต่สร้างความวุ่นวาย และสร้างแบบอย่างไม่ดีแก่เยาวชน
