“เจ๊เพ็ญ” เผย เปิด “ดีทีวี” จ้อการเมืองเร็วๆ นี้ หลังเคลียร์ทุกอย่างพร้อม ไฟเขียว “ทักษิณ” โฟนอินแจงความผิดได้ตลอด โอ่ มีทุนคนไทยนอกประเทศหนุน ดักคอรัฐบาลมั่นใจอย่ากลัว เตรียมรายงานตัว อสส.13 ม.ค.คดีหมิ่นประมาท
วันนี้ (12 ม.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.และผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีทีวี กล่าวภายหลังร่วมหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการเตรียมแผนเผยแพร่รายการออกอากาศของดีทีวี ว่า ภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า จะมีความชัดเจน เพราะตอนนี้ทางเทคนิค รูปแบบ และกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และหากพร้อมเมื่อใด ดีทีวี จะแถลงข่าวเปิดตัวได้ โดยในวันนั้นจะอธิบายที่มา แนวคิด แหล่งทุน รูปแบบรายการให้สังคมรับรู้ โดยรูปแบบรายการจะเน้นการเมืองเป็นหลัก เพื่อให้ความรู้กับประชาชนได้รับรู้ความจริงอีกด้านหนึ่ง โดยจะเป็นรูปแบบรายการเดียวกับรายการความจริงวันนี้
“แหล่งทุนของดีทีวีนั้น มีหลายฝ่ายมาร่วม ไม่ใช่คนไทยในประเทศเท่านั้น ยังมีคนไทยในต่างประเทศร่วมสนับสนุนด้วย เพราะดีทีวีจะจัดรายการ 24 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นจะค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการชุมนุมของ นปช.นั้น ต้องจัดคู่ขนานไปด้วย เพราะการชุมนุมและดีทีวีนั้น คือ การให้ความรู้ทางการเมืองกับประชาชนให้รับรู้ความจริงอีกด้านที่โดนรัฐบาลปิดกั้น” นายจักรภพ กล่าว
ส่วนความพยายามของรัฐบาลที่อาจปิดกั้น หรือตรวจสอบดีทีวีในการออกอากาศนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า ทีวีนี้จะให้ความรู้กับประชาชน หากรัฐบาลมั่นใจ และไม่กลัวก็ไม่ควรบล็อก หรือปิดกั้น หากรัฐบาลนี้เป็นประชาธิปไตย ต้องไม่กลัวรายการนี้ และรายการนี้มีกฎหมายควบคุมการออกอากาศอยู่แล้ว หากมีการดำเนินรายการที่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ก็จะโดนสิทธิทางกฎหมายจัดการผู้จัดรายการอยู่แล้ว
นายจักรภพกล่าวว่า การที่มีการตั้งข้อสังเกตสถานีโทรทัศน์ผ่านดีทีวีอาจจะคล้ายกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี นั้นความจริงแล้วตนไม่ได้ดูรายการนั้นเลย จึงไม่รู้ว่ารูปแบบของเราจะไปเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะเราไม่ได้นำรายการเอเอสทีวีมาเป็นตัวตั้ง
นอกจากนี้ ในอนาคตดีทีวี จะเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ารายการหรือไม่นั้น นายจักรภพ ระบุว่า ก็เป็นไปได้ เพราะบางครั้งข่าวสารบางอย่างออกมาว่าอดีตนายกฯ เป็นแบบนั้นแบบนี้ อดีตนายกฯ จะได้เข้าสายเพื่อชี้แจงผ่านดีทีวีเพื่อให้ประชาชนรับรู้ความจริง
อย่างไรก็ตาม นายจักรภพ ยังได้แจ้งว่า ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น.จะไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุดในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากที่ทางตำรวจส่งสำนวนคดีนี้ให้อัยการไปแล้ว