“มาร์ค” หวังใช้รายการเชื่อมั่นประเทศไทย กล่อมม็อบต่อต้านเปลี่ยนใจ วอนกลุ่มเสื้อแดงหยุดปาไข่ถ้าไม่ใช่จุดยืน พร้อมมั่นใจจัดการรัฐตำรวจได้ ลั่นไม่คิดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
วันที่ 11 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งที่ 4 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ซึ่งตั้งอยู่ใน โรงเรียนสวัสดีวิทยา ซอยสุขุมวิท 31 ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ที่หน่วยเลือกตั้งนี้ ในช่วงเช้า นายอุทิศ เหมวัฒนกิจ หรือ เสี่ยตราชั่ง ได้มารอพบนายกรัฐมนตรี หน้าหน่วยเลือกตั้ง พร้อมส่งเสียงเอะอะโวยวาย เนื่องจากต้องการร้องเรียนเรื่องการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ และการก่อสร้างอาคารใน ซอยสุขุมวิท 65 ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องควบคุมตัวไปยัง สน.ทองหล่อ รวมถึงแจ้งข้อหาเบื้องต้น ก่อกวนการเลือกตั้ง
จากนั้น เวลา 09.49 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมนางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา นางสาวปราง เวชชาชีวะ บุตรสาว เดินทางมาใช้สิทธิ์ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งนางสาวปรางได้มาใช้สิทธิ์การเลือกตั้งเป็นครั้งแรก เนื่องจากอายุเพิ่งครบ 18 ปีบริบูรณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำจุดเลือกตั้งดังกล่าวโดยรอบ ประมาณ 20 นาย เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยนายกฯแ ครอบครัว และผู้มาใช้สิทธิ์ฯ
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ว่า ขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อให้บ้านเมืองของเราสะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และหากใครพบการทุจริตหรือไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้งอยากให้แจ้งไปยัง กกต.เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่าเจ้าหน้าจะสามารถดูแลสถานการณ์ได้ และคงจะเรียบร้อย
เมื่อถามว่าขณะนี้มีรายงานการทุจริตการเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่บอกเล่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถพูดอะไรได้ตอนนี้ เดี๋ยวจะเป็นการไม่สมควร
เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดง เตรียมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 12 ม.ค.52 มีการประสานเจรจากันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยแต่คงจะฝากไปมากกว่า ว่า การแสดงความเห็นและสิทธิการชุมนุมสามารถกระทำตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการขัดขวาง แต่อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ใช้ความรุนแรง ผิดกฎหมาย ต้องไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ให้โอวาทว่าควรหยุดทะเลาะกันได้แล้ว โดยเฉพาะภาคอีสาน ยังมีความรุนแรงอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของตนกับรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการสร้างความปรองดองไม่ไปทะเลาะกับใคร
เมื่อถามว่า แต่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯประกาศว่าจะมีการตั้งวอร์รูมของเสื้อแดงเพื่อเอกภาพในการเคลื่อนไหว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าจะตั้งอะไรขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในการเคลื่อนไหวอยู่ในวิถีทางรัฐธรรมนูญก็ไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องปกติธรรมดา ส่วนที่เขาจะเบนเข็มมาว่าไม่ได้สู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนานกรัฐมนตรี แต่สู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น เขามีสิทธิ์สะท้อนความเห็นของได้ ตนย้ำว่าการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะแสดงออกของประชาชนทางการเมืองทำได้ แต่ไม่ควรมีการทำร้ายร่างกาย มีความรุนแรงหรือทำลายทรัพย์สิน เพราะผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า ขณะนี้เห็นว่ามีอะไรที่ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าในทางการเมือง จะมีความเห็นที่หลากหลาย บางทีในมุมมองของฝ่ายหนึ่งอาจเห็นอย่างนี้เป็นประชาธิปไตย แต่อีกฝ่ายอาจจะมองอีกมุมหนึ่งก็ได้เป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่ารัฐบาลจะเคารพเจตนารมณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขอย่างไรก็ตามที่ผ่านมา รัฐบาลเองได้มีการทำความเข้าใจ และพยายามอธิบายกับประชาชนอยู่เรื่อยๆ ว่าจุดยืนของรัฐบาลเป็นอย่างไร ส่วนเหตุการณ์จะดีขึ้นหรือไม่นั้น คงต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง แต่เท่าที่ทราบในส่วนของแกนนำได้พยายามบอกว่า การเคลื่อนไหวในลักษณะการปาไข่นั้นไม่ใช่จุดยืนของเขา ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นคงต้องขอให้แกนนำช่วยห้ามปราม และการดำเนินการของเจ้าหน้าจะต้องชัดเจน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ว่าตนได้ทราบว่าเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เตรียมการไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าใครอยากมาแสดงออกก็เป็นสิทธิของเขา แต่จะเหมาะสมหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้ขอย้ำว่าตนไปร่วมงานศพ ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการแสดงออกถึงความผูกพันระหว่างบุคคล จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะมาต่อต้าน เพราะยังมีโอกาสที่จะแสดงออกและต่อต้านอีกมาก ตนจึงขอว่าในงานศพของนางเนียมในวันนี้อยากเห็นการยืนยันค่านิยมที่ดีงามที่เรารู้คุณและสำนึกคุณคนที่มีความกรุณาเมตตาต่อเรา โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งตนต้องการไปตอบแทนเท่านั้น ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะมาต่อต้านกัน
เมื่อถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าอำนาจรัฐอ่อนแอ เพราะเจ้าหน้าที่ยังรอดูอยู่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่นานแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่ในระดับหนึ่งเราต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติด้วยว่าการรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไปรู้เห็นเป็นใจหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ต้องจัดการ ซึ่งตนได้กำชับเรื่องนี้ไปแล้ว ตนคิดว่าขอให้รอดูอีกไม่กี่วัน หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเรามองว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อนแต่เป็นเรื่องง่ายๆ จะต้องมีความคืบหน้า ถ้าไม่มีความคืบหน้า จะต้องมาพิจารณากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะจัดการเรื่องรัฐตำรวจได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าได้ และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการเอาตำรวจมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และตำรวจจะเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดไม่ได้ เราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลมีอำนาจและมีความรับผิดชอบ ก็ต้องดำเนินการ และขอให้มั่นใจว่าเราไม่ปล่อยปละละเลยให้สภาพบ้านเมืองเหมือนสภาพไม่มีกฎหมายและสภาพบ้านเมืองที่มีการใช้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงปล่อยปละให้มีการละเมิดกฎหมาย มิฉะนั้นสังคมจะอยู่ไม่ได้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า การจัดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ที่จะเริ่มออกอากาศในวันที่ 18 ม.ค.นี้ จะใช้ทำความเข้าใจกับกลุ่มคนที่ต่อต้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะทำ เพราะต้องพูดถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลอยู่แล้วทั้งด้านเศรษฐกิจและความปรองดอง อย่างไรก็ตาม รูปแบบของรายการไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกสัปดาห์ แต่ครั้งแรกตนตั้งใจพูดด้วยตัวเองก่อน โดยจะมีการจัดรายการนอกสถานที่ด้วย แต่ในวันที่ 18 ม.ค.นี้จะเริ่มทีทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้จะมีการพิจารณาเวลาให้ประชาชนสอบถามเข้ามาในรายการนี้ได้เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้น ในส่วนของการจัดรายการโดยผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนั้นกำลังสอบฝ่ายค้านอยู่เรื่องวันและเวลาของการจัดรายการ เมื่อถามว่าจะให้เวลาจัดรายการ 1 ชั่วโมงเท่ากับของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อครั้งตนเป็นฝ่ายค้าน ก็ขอเวลาแค่ 30 นาที
ต่อข้อถามว่าจะทำอย่างไรประชาชนได้รับประโยชน์จากการจัดรายการนี้ด้วย ไม่ใช่เป็นแค่การประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลเท่านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์งานของรัฐก็สำคัญ แต่ตนตั้งใจว่าทุกเรื่องที่รัฐบาลทำก็ต้องมีการชี้แจง แต่มีหลายเรื่องที่ตนยืนยันว่าเราจะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ ซึ่งรับบาลต้องสื่อสารกับประชาชน ดังนั้น นอกเหนืองานประจำสัปดาห์ที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ตนจะพยายามหาโอกาสเชิญชวนประชาชนให้ตื่นตัวในปัญหาสำคัญๆโดยเฉพาะปัญหาระยะยาว ปัญหาสังคม และอาจช่วยรณรงค์ในหลายเรื่องที่เป็นเรื่องค่านิยมที่จะมีความสำคัญในการแก้ปัญหาต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่กัมพูชาดำเนินการก่อสร้างถนนเข้าไปสู่ทางเข้าปราสาทพระวิหารว่า ตนได้รับทราบ และคงเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องพิจารณา เพราะบันทึกความเข้าใจเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อปี 2543 ได้เขียนชัดว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องไม่มีการปรับสภาพพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลต่อเรื่องสิทธิและเสรีภาพ
เมื่อถามว่าไทยจะต้องมีการประท้วงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยเคยประท้วงกัมพูชาไปหลายครั้ง แต่ถ้ามีเหตุการณ์ใหม่ก็ต้องทำบันทึกไปอีกครั้ง เมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้ทางกัมพูชาได้จ้างประเทศจีนมาสร้างถนนเข้าปราสาทเขาพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาได้รับความช่วยเหลืออยู่บ้าง ซึ่งตนเข้าใจว่าในช่วงหนึ่งได้ระงับไป ซึ่งเราต้องมาตรวจสถานะกันอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่กัมพูชาแยกเรื่องไม่ออกและนำเรื่องทวิภาคีนี้มาปะปนกับเวทีการประชุมอาเซียนจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะนายกรัฐมนตรีกัมพูชามีประสบการณ์สูง และมีบทบาทในอาเซียนมาโดยตลอด ท่านจึงไม่น่าจะทำเช่นนั้น