“พิภพ”จี้ “สุเทพ”แจงประเด็นเจรจา “ทักษิณ”ให้ชัด ย้ำอดีตนายกฯ หนีคดีแล้วยังให้ร้ายศาลไทย หน้าที่ของรัฐบาลต้องนำตัวกลับมารับโทษ กลับไปขอเจรจา จนน่าสงสัยว่ามีลับลมคมในหรือเรื่องเงินทองด้วยหรือไม่ แนะใช้วิกฤติเป็นโอกาสใช้ยาแรงปฏิรูปประเทศ ด้าน"เทิดภูมิ"สวน"ลิ่วล้อแม้ว" หากรัฐบาลตั้งคนพันธมิตรฯ ผิดตรงไหน ทีหัวโจก นปก.บุกบ้านป๋ายังเป็นรองประธานสภาได้ ย้ำ พธม.โดนต้านเพราะเป็นศัตรูทักษิณ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"
รายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ทางเอเอสทีวี วันที่ 5 มกราคม 2552 ดำเนินรายการโดยนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ พบกับการปราศรัยของนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ และนายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงาน คั่นด้วยการแสดงดนตรีของวง"สะเก็ดระเบิด" นำโดย"ทราย-วรรณพร ฉิมบรรจง" และปิดท้ายด้วยช่วงสนทนาประเด็นการจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลายประเทศไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมี นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย และนายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอพี ร่วมสนทนา
สโรชา - สวัสดีค่ะพ่อแม่พี่น้อง ขอต้อนรับเข้าสู่รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2552 พี่น้องสวัสดีปีใหม่นะคะ หลังจากที่หยุดยาวกันไปหลายวัน หวังว่าพี่น้องคงจะได้พักผ่อนกันได้เต็มที่ ได้ข่าวว่า คืนวันที่ 31 เคาต์ดาวน์กันแบบไม่ธรรมดาเหมือนกัน เคาต์ดาวน์กันสดๆ ในห้องส่งของ ASTV พร้อมกับแกนนำคนสำคัญ คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล พักผ่อนกันยาว พักผ่อนกันจุใจแล้วกลับมา มาดูข่าวสารบ้านเมือง พร้อมกับรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มต้นปี 2552 กันนะคะ ตั้งแต่ช่วงต้นปีช่วงนี้ไปถึงกลางเดือนมกราคม ถือว่าเป็นช่วงที่เราจะได้เจอกันบ่อยหน่อยนะคะ กำหนดการมีดังต่อไปนี้ อันนี้คือประชาสัมพันธ์ให้ทราบ สำหรับพันธมิตรใน จ.อุทัยธานี วันที่ 9 มกราคมนี้ จะมีการจัดงานปีใหม่สังสรรค์กัน สำหรับพันธมิตรชาวอุทัยธานี วันที่ 9 มกราคม เวลา 17.00 น. เป็นต้นไปนะคะ ไปพบกันได้ที่ตลาดคลองถม อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานีนะคะ มีแกนนำไปนะคะ คุณมาลีรัตน์ แก้วก่า ไป คุณวีระ สมความคิด ไป คุณไชยวัฒน์ สินสุ่วงศ์ ไปนะคะ คุณสมบูรณ์ ทองบุราณ คุณการุณ ใสงาม ก็ไป ในส่วนของดนตรีนะคะ มีหลายต่อหลายวงรวมไปถึงวงประทีป ขจัดพาล วงใหญ่ รวมไปถึงแหลมผู้จัดกวนด้วยนะคะ ย้ำกันอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับพันธมิตรอุทัยธานี วันที่ 9 มกราคม เวลา 17.00 น. เป็นต้นไปนะคะ ที่ตลาดคลองถม อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ประสานงานนะคะได้ที่คุณไก่นะคะ หมายเลขโทรศัพท์ 0-81453-5112 วันที่ 9 ชาวอุทัยธานี เจอกันแล้ว วันที่ 10 งานใหญ่ค่ะ เพราะว่าคุณลุงจำลองเอ่ยปากเองเลยนะคะ สำหรับการไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนผู้นำของคุณลุงจำลอง เกิดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม คือวันเสาร์ที่จะถึงนี้นะคะ มีรายการและกำหนดการตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นไปเลย ตั้งแต่เช้าวันเสาร์เลยนะคะ เรื่อยไปถึงช่วงค่ำวันเสาร์ และก็มีกำหนดการไปถึงเช้าวันอาทิตย์ด้วย มีหลายต่อหลายท่านถามมา ในส่วนของทางไปโรงเรียนผู้นำของท่าน พล.ต.จำลอง เป็นดังนี้ ฟังดีๆ นะคะพ่อแม่พี่น้อง แล้วจดไว้ด้วยนะคะ ทางไปโรงเรียนผู้นำ จาก จ.นครปฐม เข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ไม่เข้าถนนเลี่ยงเมือง เลยศาลากลางจังหวัดไปประมาณ 6 กิโลเมตร จะมีสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางไทรโยค ก่อนถึงแยก ริมทางด้านซ้ายมือจะมีปั๊มน้ำมัน ปตท. และเชลล์ จากนั้นไปถึงหลักกิโลเมตรที่ 12 จะมีสามแยก เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านเก่า เลยหลักกิโลเมตรที่ 16 ไปเล็กน้อย เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจนสุดถนน ถึงโรงเรียนผู้นำ สถาบันฝึกอบรมผู้นำ หน้าปากถนนจะมีศาลาที่พักผู้โดยสาร และป้ายมูลนิธิ
คุณลุงจำลงเอ่ยปากชวนพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วหรือปลายสัปดาห์ก่อนนู้น แล้วบอกว่า ใครจะไป ไปตัวและหัวใจ แต่ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนะคะว่า ตอนนี้ถ้าหากว่าพ่อแม่พี่น้องประสงค์จะไปกาญจนบุรีกับเรา ในวันที่ 10 มกราคม ที่จะถึงนี้ เอาเต็นท์ไปด้วยนะคะ แผนที่จะปรากฏทางหน้าจอตอนนี้นะคะ (แผนที่โรงเรียนผู้นำ) นี่คือแผนที่ทางไปโรงเรียนผู้นำ อย่างที่เรียนให้ทราบเมื่อสักครู่นี้ ย้ำกันอีกครั้งหนึ่งแล้วกันนะคะ จากนครปฐม เข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ไม่เข้าถนนเลี่ยงเมือง เลยศาลากลางจังหวัดไปประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงสี่แยก เลี้ยวซ้ายไปทางไทรโยค ก่อนจะถึงสี่แยกที่ว่านี้ ริมถนนด้านซ้ายมือจะมีปั๊มน้ำมัน ปตท. และเชลล์ อยู่นะคะ เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 12 จะเป็นสามแยกเลี้ยวซ้ายไปทางบ้านเก่า เลยหลักกิโลเมตรที่ 16 ไปเล็กน้อย เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจนสุดถนนถึงโรงเรียนผู้นำ ก็คือสถาบันฝึกอบรมผู้นำนะคะ ปากถนนจะมีศาลาที่พักผู้โดยสาร และก็ป้ายมูลนิธิด้วยนะคะ นี่คือแผนที่คร่าวๆสำหรับการเดินทางไปโรงเรียนผู้นำ เราจะไปกันในวันเสาร์ที่ 10 มกราคม ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากว่าใครอยากจะไปนะคะ ต้องเอาเต็นท์ไปด้วย จะมีพื้นที่ให้ท่านไปปักเต็นท์ แต่จะไม่มีที่พัก
ถ้าหากว่าท่านประสงค์จะค้างคืน ต้องเอาเต็นท์ไปเองนะคะ และก็เรียนย้ำกันอีกครั้งหนึ่ง ก็อากาศในช่วงนี้ก็ค่อนข้างจะเย็น ก็เตรียมเสื้อผ้าไปสำหรับความเย็นในช่วงกลางคืนด้วยนะคะ นี่คือกำหนดการในวันที่ 10 มกราคม เสาร์ถัดไป 17 มกราคม เราจะเจอกันอีกครั้งหนึ่ง อันนี้เป็นคอนเสิร์ตการเมือง คอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 1 โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ASTV จัดกันที่สนามฟุตบอลเทศบาล เมืองชลบุรี วันเสาร์ที่ 17 เชื่อไหมคะ เราจัดกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงเที่ยงคืน แทบจะเรียกได้ว่าเรายกห้องส่ง ASTV ไปไว้ที่ชลบุรีเลย ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงเที่ยงคืน ท่านจะพบกับหลายๆรายการ โดยปกติแล้วจะพบหน้าจอ ASTV เราไปเจอกันทีชลบุรี บัตรขายที่ราคา 200 บาทนะคะ เรียนทำความเข้าใจกับพ่อแม่พี่น้องอย่างนี้ บัตร 200 บาท มีทั้งหมดห้าหมื่นใบนะคะ ASTV เป็นผู้จัดทำบัตรทั้งหมดเลย ทั้งห้าหมื่นใบนะคะ แล้วที่สำคัญคือ ห้าหมื่นใบนี้เงินที่ได้จากการขายบัตรทั้งหมด จะนำเข้าสู่ ASTV เป็นการสมทบทุนการต่อสู้ของ ASTV และการดำเนินการด้วยนะคะ เรียนให้พ่อแม่พี่น้องเข้าใจตามนี้นะคะ บัตรจะมีขายที่บ้านเจ้าพระยาแห่ง ที่ ถ.พระอาทิตย์ จะเปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น ที่หน้าบ้านเจ้าพระยาจะมีขายบัตรอยู่นะคะ จำนวนหนึ่ง ส่วนพี่น้องที่ชลบุรี หรือจังหวัดใกล้เคียง สามารถที่จะไปหาได้ในพื้นที่นะคะ จะมีแกนนำชลบุรี และในทุกๆอำเภอของชลบุรี มีบัตรจัดจำหน่ายอยู่ในราคา 200 บาท เรียนย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ASTV เป็นผู้จัดจำหน่ายเองทั้งหมดเลย ทั้งห้าหมื่นใบ เจอกันวันที่ 17 มกราคม ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า สนามฟุตบอลเทศบาล เมืองชลบุรีนะคะ จะพบกับพวกเราชาว ASTV รวมไปถึงวิทยากร และนักดนตรีที่เคยคุ้นเคยกันบนเวทีพันธมิตรฯ จะเจอกันทั้งหมดในเวทีที่ ชลบุรีคะพี่น้อง ก็อย่าลืมไปเจอกันด้วยนะคะ วันนี้เอาสั้นๆก็แล้วกันคะ
สำหรับข่าวการเมือง เพราะว่ามีหลายเรื่องหลายราวนะคะ แต่ว่าคงจะเล่ากันไม่หมด แต่ที่สำคัญเรื่องหนึ่ง เขาไปเจอกันที่มิราเคิล แกรนด์ กันนะคะวันนี้ ทางด้านเพื่อไทยเนี้ยเขาไปเจอกัน เขาจัดงานที่เขาเรียกกันเองว่าเป็นการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนอกสภา ไปกันเยอะนะคะในส่วนของเพื่อไทย แต่จะว่าเยอะก็ไม่ได้ เขาบอกว่าบรรยากาศก็ไม่ได้คึกคัก ตามที่คาดไว้ เพราะว่า ส.ส.หลายคนไม่ได้ไปในงาน เพราะต้องไปช่วยหาเสียงในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมหลายพื้นที่ภาคอีสาน แต่ที่ไปที่แน่นอน และได้เห็นและได้ฟังกัน ก็คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ช่วงนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ทำหน้าที่เป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว จะเห็นว่าเป็นแกนนำในบรรดาไม่กี่คนที่ออกมาตอบโต้ถึงเรื่องการเมืองในช่วงนี้ ที่ถามกันตรงๆ คือว่า ที่อภิปรายนอกสภานี่คืออะไร ก็ไม่มีอะไรมาก เขาบอกเขาไม่ได้อภิปรายนโยบายรัฐบาลในสภาตอนแถลงนโยบาย เขาอ้างว่ารัฐบาลไปนอกสถานที่แล้วฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีโอกาสจะเข้าไปร่วมในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เลยต้องมาคุยกันนอกสภา ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า ถือว่าสอบตกนะ สอบตก สอบตกยังไงในเมื่อเขาเพิ่งทำงานได้วันเดียว สอบตกยังไง ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า นโยบายทั้งหมดที่อ่านมา จากที่ดูรายละเอียดแล้ว เป็นการลอกรัฐบาลทักษิณมาทั้งสิ้น ไม่เห็นมีอะไรที่เป็นของตัวเองเลย ร.ต.อ.เฉลิม ว่าอย่างนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะฝากถึงรัฐบาลไหม มีอะไรจะแนะนำหรือเปล่า คุณเฉลิมบอกว่า ไม่กล้าแนะนำหรอก พวกนี้เขาไม่ฟังอยู่แล้ว ถ้าคิดว่าเขาไม่ฟังแล้วมาพูดทำไมล่ะคะ เหนื่อยเปล่าๆ หรือเปล่า ก็ว่ากันไปนะคะ
คุณวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ออกมาบอกว่า เมื่อตอนที่แถลงนโยบายกัน ช่วง 29-30 คุณชัย ชิดชอบ มีการเลื่อนการประชุมถึง 3 ครั้งด้วยกัน เลื่อนโดยที่ไม่ได้มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ เป็นการแจ้งผ่านโทรศัพท์มือถือ ทางพรรคร่วมฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถรับข้อมูลแบบอย่างเป็นทางการ และแจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่สามารถเข้าร่วมการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลได้ ก็เลยฝากถามไปยังคุณวิทยา บอกว่า คนอื่นเขารู้กันทั้งเมืองนะตอนที่จะย้ายไปกระทรวงต่างประเทศ รู้กันทั้งเมือง ทีวีก็ไปถ่ายทอดสด แต่ในที่สุดแล้วพรรคฝ่ายค้านเขาก็บอกว่า เขาไม่ได้ไป บรรยากาศไม่ได้มีมากมายค่ะ มีเท่านี้จริงๆ เพราะว่าเขาพูดจากันไม่ได้มากมายอะไร พูดซ้ำๆ ไปซ้ำๆ มา โดยเฉพาะ จะไปโจมตีเรื่องการย้ายสถานที่ และความไม่ชอบธรรมที่เขาอ้างว่า ย้ายสถานที่ไปแล้วผิดข้อบังคับรัฐสภา ไม่สามารถดำเนินการได้ เป็นเรื่องที่ติดตามกันต่อไป
แต่คุณเฉลิมเขาจะเดินสาย เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เดินสายไปหาเสียง จ.อุดรธานี นครพนม มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ไปช่วย ส.ส.หาเสียง เขามั่นใจ บอกว่า ในการเลือกตั้งซ่อมเกือบ 30 ที่นั่ง ที่จะมีการเลือกตั้งซ่อม เขาเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยได้อย่างน้อย 10 เก้าอี้ 10 บวกลบ 2 แล้วเขาบอกว่า ประชาธิปัตย์ดูให้ดีๆ แล้วระวังให้ดีๆ เพราะถ้าเกิดเขาได้ 10 เสียงบวก หรืออย่างน้อยสุด 8-11 เสียง เท่ากับว่าเขาจะมีคะแนนเสียงที่สูสีกับพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกันต่อไป สำหรับความพยายามของพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ค่อยคุ้นชินกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านสักเท่าไหร่ เพราะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีการตรวจสอบมายาวนานพอสมควร
วันนี้เราไปพบกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาพบกับพ่อแม่พี่น้องในวันทำการวันแรกหลังจากที่เข้าสู่ปี 2552 นะคะ ต้อนรับคุณพิภพ ธงไชย สวัสดีค่ะพี่พิภพ
พิภพ - สวัสดีครับ
สโรชา - สวัสดีปีใหม่นะคะพี่ ยังไม่มีโอกาสเจอกัน วันนี้มีเรื่องอะไรมาพูดคุยกับพี่น้องบ้าง เชิญคะ
พิภพ - สวัสดีปีใหม่ครับ พี่น้องพันธมิตรฯ และผู้ชมทาง ASTV และทาง FM ครับผม วันนี้จะมาพูดเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งผมเองในฐานะเป็นแกนนำ และก็อยู่ร่วมกับพันธมิตรฯก็คงทราบดีว่า ผมจะให้ความสนใจในเรื่องการศึกษามากเป็นพิเศษ 2-3 เรื่องที่บ้านเมืองเราพูดกันว่าเป็นเรื่องแย่ ก็คือเรื่องการศึกษา พูดกันมาเป็น 10ปี 20 ปี แล้ว แต่สุดท้ายการเมืองก็ไม่สามารถเอาคนรู้จริงเรื่องการศึกษาเนี้ย มาทำเรื่องการศึกษาได้ การศึกษาก็ไม่เกิดการปฏิรูป เราเปรียบเทียบกับเวียดนาม เปรียบเทียบกับสิงคโปร์ และการจะเปรียบเทียบกับเกาหลี หรือเปรียบเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ปรากฏว่าสภาพการศึกษาเราตกต่ำอย่างน่าใจหาย แต่ฝ่ายการเมืองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเท่าที่ควรนะครับ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลคุณทักษิณแล้ว มารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำนะครับ เอาคนที่เป็นคนหนุ่มและค่อนข้างจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ยังไม่เคยมีความคิดความอ่านทางการศึกษา ที่สังคมยอมรับนะครับ มาทำงานเรื่องการศึกษา แต่ก็ไม่เป็นไรนะครับ คุณจุรินทร์ ถ้าฟังความคิดเห็นของคนอื่นและตั้งใจจะปฏิรูปการศึกษา ผมคิดว่าความเป็นคนสด คนว่องไว คนบริหารจัดการเก่งเนี้ย ก็คงจะปฏิรูปการศึกษาได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาจะฟังคนอื่นที่รู้เรื่องทางการศึกษาเนี้ย มากน้อยแค่ไหน ครับ วันนี้เราจะมาพูดเรื่องนี้กันซักสิบกว่านาทีนะครับ แต่ก่อนที่จะพูดเรื่องการศึกษา ผมเองในฐานะที่รับผิดชอบ 5 แกนนำให้รับผิดชอบเรื่องการเยียวยาผู้บาดาเจ็บ ผู้พิการ และผู้เสียชีวิต ก็ต้องรายงานความคืบหน้าซักนิดหนึ่งนะครับว่า
เมื่อปลายปีที่แล้วนะครับ หลังจากที่มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้รับเอากองทุนผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต เข้าอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ ผมเองก็สบายใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล เพราะว่าบัญชีที่เปิด ที่แกนนำให้ผมไปเปิดในนาม นายพิภพ ธงไชย สำหรับผู้บาดเจ็บ นายพิภพ ธงไชย สำหรับผู้เสียชีวิต อาจจะถูกตีความว่าเป็นรายได้ส่วนบุคคลได้ ก็อาจจะต้องถูกเก็บรายได้ส่วนบุคคลไปถึง 37 % ผมเลยจะต้องกันกองเงินไว้ถึง 3 กองด้วยกัน กองที่หนึ่ง กองที่สองนั้นจ่ายให้หมด แล้วกองที่สามนั้น ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องภาษีนั้นก็จะเอามาจ่ายให้หมดเช่นเดียวกัน บัดนี้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินก็รับว่าที่ 5 แกนนำให้ไปเปิดอย่างกะทันหัน หลังจากเกิดเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม นั้นเนี้ย ไม่สามารถที่จะตั้งมูลนิธิได้ทันท่วงที แล้วก็เป็นการรีบที่จะต้องรับเงินบริจาค ซึ่งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โดยคณะกรรมการ ท่านประธานได้มีมติให้รับกองทุนทั้งหมดเข้าสู่มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไป การจ่ายเช็คใดๆก็จะจ่ายในเช็คมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผมก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชี และให้ผู้ตรวจสอบบัญชีในการจ่ายไปแล้วเนี้ยนะครับ ส่งกลับมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินให้เรียบร้อย วันนี้ก็อยากจะรายงานว่า เมื่อเข้าที่ประชุมวันที่ 24 ธันวาคม และได้พูดกันตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม เราก็เริ่มเตรียมการที่จะจ่ายเงินให้เสร็จ ภายในวันที่ 30 ธันวาคม ในงวดที่จะจ่ายได้อย่างเร็ว ปรากฏว่าสามารถจ่ายไปยังผู้บาดเจ็บ และก็ผู้เสียชีวิตเนี้ยนะครับได้ถึง 30,987,689.25 บาท เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็คงจะเหลือเงินอีกซักประมาณ 10 ล้าน ประมาณ 10 หรือ 12 ล้าน
เพราะรวมของกองทัพธรรมเข้าไปด้วย จะเร่งจ่ายในต้นเดือน ม.ค. แล้วจะเก็บไว้สักประมาณ 5 ล้าน เพื่อที่ว่าผู้บาดเจ็บตั้งแต่ 7 ต.ค. และก่อน 7 ต.ค.แล้วไม่มาแจ้ง ตอนนี้ก็เริ่มมาแจ้งว่าบาดเจ็บแต่ไม่ได้มาแจ้ง เราจะได้ตรวจสอบว่าเป็นผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ต่างๆ จริง จนถึงวันที่ 3 ธ.ค. จะทยอยจ่ายไปให้หมด ก็คงจะเรียบร้อย แล้วเราได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิต่างๆ ได้บริจาคเงินสำหรับให้ทำเรื่องการเยียวยาสภาพทางจิตใจ ซึ่งผมจะทำต่อไป โดยมีทีม วันนี้ประชุมกัน อาจจะมีทีม รวมทั้งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เพื่อดูแลผู้บาดเจ็บที่ตอนนี้ร่างกายอาจจะดูคลี่คลายไปแล้วแต่บาดแผลด้านจิตใจยังมีอยู่ อันนี้เราจะทำต่อไป เพราะฉะนั้นเราได้จ่ายเป็นงวดๆ รวมแล้วจ่ายไปทั้งหมด 676 รายด้วยกัน สำหรับผู้มาลงบัญชี ผู้บาดเจ็บอาจจะมากกว่านั้น แต่เรานับเฉพาะผู้มาลงบัญชี มาแจ้งกับกองทัพธรรม และแจ้งกับศูนย์ตั้งแต่ตอนที่อยู่สะพานมัฆวาน เราจ่ายผู้เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ผู้บาดเจ็บสาหัส ผู้บาดเจ็บปานกลาง ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย บาดเจ็บทั่วไป และบาดเจ็บทั่วไปที่ผ่านกองทัพธรรม สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นจะจ่ายให้ถึง 1 ล้านบาท และจัดงานศพให้ด้วย สำหรับผู้สูญเสียอวัยวะจะจ่ายตั้งแต่ 8 แสน - 1 ล้านบาท มีจำนวน 7 ราย ผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บสาหัสขั้นโคม่า 1 ล้านบาท 2 ราย ตอนนี้บางรายอาจจะยังจ่ายไม่ถึง 1 ล้าน สูญเสียอวัยวะอาจจะยังไม่ถึง 1 ล้าน อาจจะจ่ายในระดับ 8 แสน เดี๋ยวจะทำการจ่ายต่อในเดือน ม.ค.นี้ บาดเจ็บสาหัส จ่ายระหว่าง 2 แสน - 7 แสน จำนวน 33 ราย บาดเจ็บปานกลาง 6 หมื่น - 1.8 แสน จำนวน 57 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 3 หมื่น - 5.5 หมื่น จำนวน 73 ราย บาดเจ็บทั่วไป 3 พัน - 1 หมื่น 6 ราย เฉพาะที่ผ่านศูนย์ ที่ผ่านมูลนิธิกองทัพธรรม 488 ราย จ่ายระหว่าง 3 พัน - 5 พันบาท แล้วยกระดับขึ้น ถ้าบาดเจ็บนั้นเรื้อรัง มารับที่ศูนย์ได้ ตอนนี้เราจ่ายไปทั้งหมดแล้ว รวมจ่ายทั้งสิ้น 30,987,689.25 บาท รายรับประมาณ 40 ล้าน ตอนนี้ อันนี้เป็นงานที่จะต้องมารายงานให้พ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รับทราบเป็นระยะๆ เราตรวจสอบบัญชีในงวดปิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. จะมีผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับการยอมรับจากราชการ ใบอนุญาต ตรวจสอบบัญชีเพื่อส่งให้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แล้วหลังจากนั้น ทางมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน จ่ายในนามนั้น จะมีผู้ตรวจสอบบัญชีในนามมูลนิธิอีกครั้งหนึ่ง จะรายงานเรื่องนี้เป็นระยะๆ ไป จนกว่าการดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ 7 ต.ค. และเหตุการณ์อื่นๆ รวม 10 กว่าครั้ง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผมเองเคยเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชน ในเหตุการณ์พฤษภา 35 ทั้งหมดใช้เวลาเกือบ 10 ปี ในการจะดูแล ในการเรียกร้องจากรัฐบาลที่จะให้การจ่ายเงินนั้นครอบคลุมกับคนที่พิการ และคนที่เสียชีวิต อันนี้เราคงต้องทำต่อไป ตอนนี้มีผู้ถามว่า แล้วสำหรับการไปรับจากรัฐบาลที่กระทรวงพัฒนาสังคม พัฒนามนุษย์ สมควรจะไปรับไหม ตอนนี้มีหลายคนไปรับแล้วก็ขอเอกสารมาที่ผมได้ ในการที่จะต้องใช้เอกสารใบรับรองแพทย์ เพื่อไปยื่นต่อทางราชการ โดยโทรไปที่โทรศัพท์ 0-2814-3021 ซึ่งเป็นศูนย์เยียวยาผู้บาดเจ็บ ถ้าโทรสาร 0-2814-0369 เราพร้อมมีเลขาผมทำงานอยู่เป็นประจำ ชื่อคุณธงไทย จะบริการในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการจ่ายเช็กเพิ่มเติมในส่วนที่เหลือ จะทำต่อไปในเดือน ม.ค.นี้ อันนี้เรียนมาให้ทราบ
ส่วนการหางาน ตอนนี้คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข รับที่จะดูแลคนที่อาจจะตกงานเสียงานไป แต่ในภาวะงานซึ่งมีน้อยลง อยากจะเรียนพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีกิจการต่างๆ แล้วสามารถเปิดรับงานได้ ให้แจ้งมาที่คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณสมศักดิ์จะแจ้งไปยังผู้ประสงค์อยากจะได้งาน อันนี้รายงานให้ทราบเกี่ยวกับกิจกรรมของเรา เกี่ยวกับการดูแลผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ผู้พิการ นอกจากนั้นผู้พิการจำนวนมาก และผู้บาดเจ็บจำนวนมากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ถ้าพี่น้องพันธมิตรฯ อาจจะไปเยี่ยมซึ่งหลายคนอยู่ที่บ้าน หลายคนยังมีอาการ บางคน รายหนึ่งมีอาการโคม่าอยู่ที่บ้าน คือคุณเสถียร อยากจะให้กำลังใจติดต่อไปที่ศูนย์ผมได้ แล้วจะบอกสถานที่ที่จะไปเยี่ยมกัน ไปดูแลกัน เราจะไม่ทิ้งกัน
ทั้งหมดนี้ ตอนนี้ผมกำลังตรวจปรูฟจากที่ฝ่ายบัญชีของมูลนิธิ สมุห์บัญชีผมได้ทำรายละเอียดทั้งหมดมาเป็นจำนวน 10-20 หน้า จะลงในเว็บไซต์ผู้จัดการ ซึ่งเข้าดูได้รายชื่อของทุกคน คิดว่าเมื่อผมตรวจปรูฟแก้ไขตัวอักษรที่ผิดพลาด แล้วเพิ่มเติมรายละเอียด เพื่อให้ผู้ที่จะดูในเว็บไซต์ผู้จัดการ ดูได้โดยไม่ต้องมีข้อสงสัยมากนัก คิดว่าพรุ่งนี้คงจะแก้เสร็จ แล้วคงนำส่งเข้า
มีเวลาอีก 15 นาที ผมจะพูดเรื่องการเมือง ตามที่พ่อแม่พี่น้องอยากจะฟังว่า 5 แกนนำ หรือคนที่มาพูดบนเวทีนี้ มีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร เรื่องแรกผมอยากจะวิจารณ์คุณสุเทพ จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาพูดเรื่องการเจรจากับคุณทักษิณ ซึ่งไปขัดกับสิ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ได้พูดไว้ตั้งแต่แรกว่า อยากจะให้คุณทักษิณทำตัวเหมือนประชาชนธรรมดา เมื่อมีคดีความก็ต่อสู้คดีความไปตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อศาลได้ตัดสินอย่างไรแล้วก็ต้องรับในการตัดสินของศาล คุณทักษิณจะมากล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมไม่ยุติธรรม เป็นไปไม่ได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ถูกแทรกแซง ศาล ผู้พิพากษาต่างๆ มาจากศาลฎีกา มาจากองค์คณะของศาล ซึ่งมีอยู่เดิม คัดเลือกกันมา อาจจะมีแข็งอ่อนบ้างเป็นบางท่าน เพราะฉะนั้นจะบอกว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง แล้วคุณทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม เป็นไปไม่ได้ คุณทักษิณหนีกระบวนการยุติธรรม และไม่ต่อสู้เอง และหลบออกไปเอง แล้วไปกล่าวหากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยว่า ไม่มีความเป็นธรรม และไปชมประเทศอังกฤษ หาว่ามีกระบวนการยุติธรรมที่ดี ไปชมระบบประชาธิปไตยของอังกฤษว่า ใช้ภาษาอังกฤษว่า Mature กว่า คือมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าความเป็นประชาธิปไตยเมืองไทย แต่ทันทีรัฐบาลอังกฤษถอนวีซ่าของคุณทักษิณและคุณหญิงอ้อขณะอยู่ต่างประเทศออก คุณทักษิณก็โจมตีรัฐบาลอังกฤษทันทีว่า เป็นรัฐบาลที่ไม่มีความแน่นอนในเรื่องระบอบประชาธิปไตย และเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า คุณทักษิณจะวิจารณ์อะไร หรือจะกล่าวร้ายอะไร ก็สิ่งที่ตัวเองไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น
เพราะฉะนั้นต้องถามว่า แล้วคุณสุเทพไปเจรจาอะไรกับคุณทักษิณ ไปเจรจาอะไร ในเมื่อสิ่งที่ควรจะบอกกับคุณทักษิณคือ ให้คุณทักษิณกลับมาแล้วสู้ตามกระบวนการยุติธรรมดีกว่า การที่คุณสุเทพพยายามจะเจรจากับคุณทักษิณ ทำให้ประชาชนเขาสงสัย ว่าคุณสุเทพ ไปเจรจา มีความลับอะไร แล้วมีการที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินเรื่องทองหรือเปล่า อันนี้เขาสงสัยกันนะครับ เพราะฉะนั้นคุณสุเทพต้องบอกเรื่องนี้ให้ชัด มิฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ จะหมดความนิยม และทำให้สังคมไทยหมดความหวังที่จะมีพรรคการเมืองที่จะมาแก้ไข วิกฤติของประเทศ อันนี้ก็อยากจะเรียนคุณสุเทพนะให้เข้าใจ อันที่สอง ในการที่เกิดวิกฤติของประเทศเนี้ยในเรื่องต่างๆ เนี้ย ในทางการเมืองและในทางการทำงาน นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งดี เพราะเมื่อเกิดวิกฤติแล้ว จะเป็นโอกาสที่จะนำสิ่งใหม่ๆมาเสนอต่อสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาของวิกฤตินั้นได้ ถ้าไม่เกิดวิกฤติเนี้ยสังคมจะอยู่กันอย่างปกติและไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลาที่ตัวเองมีโอกาสที่จะแสดงความสามารถ และเสนอต่อสังคมว่าจะแก้ปัญหาต่างๆที่วิกฤติจนสังคมเห็น และพร้อมที่จะใช้ไม้แข็ง หรือใช้กฏเกณฑ์ที่เข้มข้นในการที่จะแก้ไขปัญหา เพื่อที่จะนำพาประเทศชาติ และสังคม ไปให้พ้นวิกฤติได้ ประชาธิปัตย์จะต้องใช้โอกาสอันนี้ เพราะว่าถ้าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีวิกฤติอะไรต่างๆเกิดขึ้นเนี้ย คนก็จะไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร จะเสนออะไรที่จะปรับปรุง ที่จะเปลี่ยนแปลงเนี้ย คนก็จะเฉยเมย ไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง เพราะว่าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้มันเกิดวิกฤติไปทุกด้าน เพราะว่าวิกฤติทางด้านการเงินการคลัง วิกฤติทางด้านเศรษฐกิจ วิกฤติการว่างงาน วิกฤติทางการศึกษา วิกฤติทางสื่อ วิกฤติทางด้านจริยธรรมของสังคมไทย วิกฤติไปหมด วิกฤติทางด้านการเมือง
เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดวิกฤติไปหมดเนี้ย โอกาสที่คนหนุ่มอย่างนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์เนี้ยจะได้เสนอสิ่งใหม่ๆ และเป็นยาแรงในภาษาของหมอ ให้ยาแรงเพื่อแก้ไขวิกฤติเนี้ย สังคมจะรับได้ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกับสังคมว่า การใช้ยาแรงนั้นสังคมจะต้องเสียสละบางส่วน จะต้องยอมเจ็บปวดบางส่วน แล้วการดูแลรักษาสุขภาพของสังคม ก็จะฟื้นคืนชีพภายในเร็ววัน อันนี้ต้องทำความเข้าใจ เพราะฉะนั้นต้องถือว่าโอกาสที่จะมีวิกฤติครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเป็นพรรคนำในการจัดตั้งรัฐบาล กับพรรคร่วมจะต้องใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขวิกฤติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะแก้ไขวิกฤติได้ การทุจริตคอรัปชั่นจะต้องหมด อันนี้ผมอยากจะเห็นคุณอภิสิทธิ์ พูดเรื่องนี้ชัดเจนว่าจะแก้ไขในเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ในรัฐบาลชุดนี้ ในระบบข้าราชการเนี้ยอย่างไร อันนี้คนอยากเห็น ไม่ใช่บอกว่าเราจะแก้ไขปัญหาทุจริตเรื่องทุจริตคอรัปชั่นในทางการเมือง เพราะฉะนั้นที่คุณรสนาพูดบอกว่า นักการเมืองควรจะเสียสละในการที่หยุด หรืออดที่จะกินหัวคิวต่างๆเนี้ย เป็นช่วงที่ดีที่สุดในตอนนี้ที่จะช่วยเหลือประเทศชาติให้ฟื้นจากปัญหาต่างๆ เพราะถ้าไม่ยุติในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นแล้วเนี้ย ปัญหาต่างๆคงจะแก้ไขยากมากขึ้น และคงจะทำไม่ได้ อันนี้ก็เป็นอันแรกที่อยากจะเห็น ฉะนั้นปัญหาที่จะต้องถามกันต่อไปในเรื่องการแก้ไขปัญหาในเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ไม่เห็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือท่านนายกรัฐมนตรี ในตอนที่แสดงวิสัยทัศน์ หรือแสดงนโยบายต่อรัฐสภา ได้บอกกับสังคมและประชาชนทั่วไปว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นจะทำแบบเก่า หรือจะทำแบบใหม่ คำว่าทำแบบเก่าก็คือให้กระบวนการของรัฐสภาแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ให้ระบบราชการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ให้องค์กรอิสระต่างๆแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น นั่นเป็นการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นแบบเก่า ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ถึงแม้องค์กรอิสระจะมีความเป็นอิสระ และมีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ก่อนรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 แต่ถ้าเห็นผลงานแล้วในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเนี้ย เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเสนอไว้ คุณอภิสิทธิ์ควรจะต้องรับฟัง ว่าการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่ให้มีประสิทธิภาพ และเป็นแนวคิดใหม่ นั่นก็คือให้ประชาชน มามีส่วนร่วมในการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจัง
อันนี้อยากเห็นคุณอภิสิทธิ์ได้พูดออกมา และมีมาตรการที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นอย่างไร กลับมาถึงเรื่องการศึกษาที่ผมตั้งใจจะพูด เรื่องการศึกษาเนี้ยคนอาจจะไม่รู้ว่า ตัวที่เป็นมะเร็งร้ายที่สุดในวงการศึกษาก็คือ กาทุจริตคอรัปชั่น คนนึกว่าในวงการศึกษาไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น นึกว่าครูมีคุณธรรม นึกว่าคนกระทรวงศึกษามีคุณธรรม การทุจริตคอรัปชั่นในวงการศึกษาเกิดจากนักการเมืองเท่านั้น ซึ่งไม่จริง ไม่ได้เกิดจากนักการเมืองเท่านั้น แม้ในวงการครู คนในกระทรวงการศึกษาเป็นจำนวนมาก ก็มีการทุจริตคอรัปชั่น ทุจริตตั้งแต่แบบเรียน ทุจริตตั้งแต่เสื้อผ้า ทุจริตตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ผมเสนออย่างตรงไปตรงมาเลยว่า ให้เด็กมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นได้ไหม เด็กจะรู้เลยว่าในโรงเรียนเนี้ย มีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างไร ผู้ปกครองก็จะรู้ว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างไร ให้เด็กมีส่วนร่วมได้ไหม ให้เด็ก ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม งบประมาณต่างๆ การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆในโรงเรียนเนี้ย ที่ได้งบประมาณมาจากส่วนกลางเนี้ย ให้เปิดเผยที่หน้าโรงเรียนนะ ให้โรงเรียน ให้เด็กได้รู้เลยว่าปีนี้โรงเรียนนี้มีงบประมาณอะไรบ้าง ครูได้เงินเดือนเท่าไหร่ และก็มีการจัดซื้อจัดจ้างอะไรบ้าง และการจัดซื้อจัดจ้างนั้นราคาท้องตลาดเป็นอย่างไรบ้าง ผมคิดว่าการเริ่มต้นการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในโรงเรียน โดยให้เด็กมีส่วนร่วมเป็นการปูพื้นฐาน ระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่เริ่มต้นจากเด็กในโรงเรียน และเมื่อเขาโตขึ้น เขาก็จะเรียนรู้การมีส่วนร่วมในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในเมื่อเป็นผู้ใหญ่ต่อมาเนี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มิฉะนั้นแล้วเราก็เห็นแต่คุณรสนา เห็นแต่คุณวีระ สมความคิด เห็นกับคนอีกไม่กี่คนเท่านั้นเองที่พยายามในส่วนของภาคประชาชน ที่จะเข้าไปตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น เราวางวัฒนธรรมในการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น วัฒนธรรมการมีส่วนร่วมในการศึกษา การมีส่วนร่วมที่เด็กให้มีส่วนร่วมด้วยเนี้ย ผมถามหน่อยว่าท่านรัฐมนตรีกล้าไหม เมื่อท่านรัฐมนตรีกล้า ถามหน่อยว่าข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการกล้าไหม ถ้าข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการกล้า ถามต่อหน่อยว่า ครูกล้าไหม ที่จะให้เด็กมีส่วนร่วม เมื่อเด็กมีส่วนร่วมในการศึกษาเนี้ยนะครับ จะเป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่เลย ผมเคยเสนอมานานแล้วว่า ข้อสอบที่ครูตรวจข้อสอบเด็กนักเรียน แล้วมีปัญหากันมากว่า ครูบางคนอคติ ครูบางคนชอบเด็กคนนี้ก็ให้เด็กคนนี้ได้คะแนนดี ครูบางคนไม่ชอบเด็กคนนี้ก็กดคะแนนเด็กคนนี้ ครูบางคนไม่สอนหนังสืออย่างเอาจริงเอาจัง ในขณะที่สอนในห้องเรียน เมื่อออกนอกห้องเรียน ก็ชวนเด็กไปเรียนพิเศษ แล้วเอาข้อสอบที่ตัวเองจะออกข้อสอบเนี้ย ไปให้เด็กทำในชั่วโมงที่เรียนพิเศษ ไม่ว่าจากข้างนอก หรือหลังเลิกเรียนเนี้ยในโรงเรียนก็ตาม อันนี้เนี้ยครูจะเสียศักดิ์ศรี และก็ถูกเด็กนินทา และก็เป็นการทำให้เด็กเนี้ยเสียเงินมากขึ้น เริ่มต้นให้เด็กได้ดูข้อสอบที่ครูสอบได้ไหม หลังจากที่ที่ครูตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เปิดให้เด็กดูเลยว่าครูได้ตรวจอย่างนี้ แล้วยิ่งต่อไปจะมีข้อสอบอัตนัยขึ้นด้วย นอกเหนือจากปรนัยแล้ว ถ้าครูให้เด็กได้ดูในสิ่งที่ตัวเองได้ตรวจข้อสอบไปว่าไม่มีอคติใดๆ แล้วให้เด็กโต้แย้งได้ แล้วตอบคำถามกับเด็กได้ ว่าทำไมจึงให้คะแนนคนนี้เท่านี้ ทำไมจึงให้คะแนนคนนั้นเท่านั้น นี่คือกระบวนการปฏิรูปการศึกษาโดยให้เด็กมีส่วนร่วมในการตรวจข้อสอบด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่ผมจากจะเสนอ แล้วเคยเสนอมานานแล้ว แต่ปรากฏว่า มีครูเป็นจำนวนน้อยมากที่จะมีความกล้าที่จะให้เด็กดูการตรวจข้อสอบของตัว เพราะครูเองก็ไม่แม่นในการตรวจข้อสอบด้วย แต่ถ้ามีการเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมา ครูจะมีความระมัดระวังตัวขึ้น แล้วเด็กจะมีความไว้วางใจครูมากขึ้น อันนี้เป็นประเด็นที่ผมอยากจะเรียนว่า การมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษา
การมีส่วนร่วมอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการเรียนการสอน ในการปฏิรูปการศึกษา ถ้าปล่อยให้ครูปฏิรูปการศึกษา ทำไม่ได้หรอกครับผมยืนยันได้เลย ผมทำเรื่องการศึกษามา 30 กว่าปี ปล่อยให้กระทรวงศึกษาฯ ปฏิรูปการศึกษาเพียงฝ่ายเดียวทำไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาก็คือ ให้เด็กมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษาด้วย ร่วมยังไง เมื่อกี้ผมร่วมในเรื่องการตรวจข้อสอบ มีร่วมในการตรวจทุจริตคอร์รัปชั่น ร่วมในการกำหนดหลักสูตร ให้เด็กกำหนดหลักสูตรได้ไหม เอาละหลักสูตรกลาง กระทรวงศึกษาฯ เป็นคนบอกว่า เด็กทั้งประเทศควรจะเรียนหลักสูตรกลางเรื่องอะไรบ้าง เพื่อจะรู้เรื่องราวต่างๆ เท่ากัน ไม่ว่าเป็น ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ ก็รู้ในระดับที่จะไปซื้อจ่ายกับข้าวในตลาดได้ ภาษาไทยก็รู้ในระดับที่จะอ่านออกเขียนได้อย่างแม่นยำ แต่มีอีกอันหนึ่งก็คือ เด็กที่มีความสามารถเฉพาะ ซึ่งมีทุกคน นี่ผมทำการศึกษามาบอกได้เลย เด็กทุกคนมีความสามารถเฉพาะ และมีความสนใจเฉพาะ นอกเหนือจากที่หลักสูตรกำหนดไว้ ให้เด็กมีส่วนกำหนดหลักสูตรของเขา สัก 30 เปอร์เซ็นต์ได้ไหม ผมยกตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งมีความสามารถเฉพาะในการวาดรูป ให้เขามีเวลาในการวาดรูปมากขึ้น ให้เขาจัดหลักสูตรร่วมกับครู ว่าในเรื่องเกี่ยวกับการวาดรูป ที่จะทำให้เธอวาดรูปเก่งขึ้น น่าจะเรียนเรื่องอะไรเพิ่มเติม แล้วไปลดวิชาที่ไม่ทำให้เกิดการวาดรูป และไม่เป็นประโยชน์ถ้าเขาไม่เรียนต่อ ไปเป็นวิศวะ ไปเป็นสถาปนิก ไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไปเป็นแพทย์ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนคณิตศาสตร์ ที่จะนำไปสู่การเรียนต่อระดับสูงขนาดนั้น เพราะว่าวิชาคณิตศาสตร์กับการวาดรูปมันเรียนน้อยลง ไม่จำเป็นต้องเรียนมากขนาดนั้น นี่คือการให้เด็กจัดหลักสูตรร่วมกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาฯ และหลักสูตรของชุมชน อันนี้จะเกิดการปฏิรูปการศึกษาได้
สรุปประเด็นของผมก็คือ การปฏิรูปใดๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่าเป็นปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปเศรษฐกิจ และปฏิรูปการศึกษาที่ผมพูด จะเกิดการปฏิรูปและเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ต้องทำให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมในเรื่องนั้นๆ อย่าไปคิดว่าเด็กคิดไม่เป็น และไม่รู้จักว่าตัวเองมีความต้องการอะไร ครูไม่มีทางที่จะรู้หรอกครับว่า เด็กต้องการอะไรที่แท้จริง และเมื่อเด็กต้องการ และมีความสามารถในเรื่องนั้น คุยกับเขา ให้เขามีส่วนร่วมในการทำหลักสูตร ประเด็นของผมก็คือ การปฏิรูปใดๆ จะเกิดขึ้นได้ และสามารถประสบความสำเร็จ ต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม และการตัดสินใจของคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในเรื่องการศึกษาก็คือ เด็ก และผู้ปกครอง ครู ให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และในการปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปการศึกษาในรัฐบาลชุดนี้จึงจะเกิดขึ้น และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ครับเชื่อผม วันนี้เวลาหมดลงแล้ว ผมมาพูด 2-3 เรื่อง ขอลาท่านผู้ฟัง ขอลาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพี่น้องที่ดูอยู่หน้า ASTV ครับ ขอบคุณครับ
ช่วงที่ 2
สโรชา - กลับเข้าสู่รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 2 มกราคม เป็นงานมงคลสมรสของหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อว่า นางฮุน มะนา คนนี้เป็นการแต่งงานครั้งที่ 2 เธอหย่ากับสามี แล้วมาจัดงานที่ถือว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของประเทศกัมพูชา ก็ว่าได้ งานนี้แขกที่เข้าไปในงานต่างตกใจและแตกตื่น และข้องใจ เมื่อเห็นอดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พร้อมกับภรรยา เดินทางเข้าไปร่วมงานมงคลสมรสครั้งนี้ด้วย นางฮุน มะนา เป็นเจ้าของเครือข่ายโทรทัศน์บายน (Bayon TV) ที่สำคัญไปกว่านั้นเป็นลูกสาว และผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน แห่งกัมพูชาด้วย ยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมถึงได้ไปปรากฏโฉมในงานแต่งงานครั้งนี้ได้ แต่ว่ามีรัฐมนตรีของกัมพูชาคนหนึ่งออกมายืนยันว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และภรรยา ไปในฐานะส่วนตัว ไม่ได้ไปในฐานะเป็นผู้แทนของรัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่จะเห็นได้ถึงความสนิทสนมของตระกูลนี้ และสมเด็จฮุนเซนและครอบครัว ถึงขั้นไปร่วมพิธีแต่งงานบุตรสาวสมเด็จฮุนเซน ทั้งที่จริงๆ แล้วตนเองไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไรในรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน และไม่ได้ไปในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่มีความสนิทสนมในฐานะส่วนตัว ที่เดินทางไปร่วมงานมงคลสมรส ครั้งที่ 2 ของนางฮุน มะนา เป็นบุตรสาวของสมเด็จฮุนเซน
จริงๆ แล้วหลายเรื่องหลายราวที่ต้องพูดคุยกันในวันนี้ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องราวของล็อบบี้ยิสต์ ข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเปิดเผยว่า มีการว่าจ้างอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน บริษัทล็อบบี้ยิสต์ บริษัทพีอาร์ระดับโลกถึง 4 แห่ง มีชื่อมีรายละเอียดพร้อม และมีการตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงหลังๆ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีข่าวที่บิดเบือน ข่าวที่โจมตี ทั้งรัฐบาลไทย ทั้งกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงการพาดพิงถึงสถาบันสูงสุดของไทยด้วย ในสื่อต่างประเทศ จำได้ไหมคะ ช่วงเดือนที่แล้วแอ้มเคยหยิบยกบทความชิ้นหนึ่งของนิตยสารหรือวารสารชื่อว่า ดิอิคอโนมิสต์ ให้พ่อแม่พี่น้องได้รับทราบกัน ตอนนั้นแอ้มได้เลือกที่จะไม่ลงรายละเอียดในเนื่อหาหรือนัยยะที่ดิอิคอโนมิสต์เขียน แต่ถือว่าในวงการอินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ที่เล่นอินเตอร์เน็ต หลายคนได้สัมผัสและทราบถึงเนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ผ่านนิตยสารหรือวารสารดิอิคอโนมิสต์ นี่คือหนึ่งในสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์หยิบยกมาเป็นตัวอย่างว่า การทำงานของบริษัทล็อบบี้ยิสต์ บริษัทพีอาร์ที่คุณทักษิณจ้างนั้น นี่อาจจะเป็นผลงานชิ้นหนึ่งของบริษัทเหล่านี้ก็ได้ ถ้าเข้าไปดูถึงรายละเอียดของบริษัทเหล่านี้จะเห็นว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น ทั้ง 3 เจ้า ถูกเลิกจ้างไป 1 เจ้า แต่ยังเหลืออีก 3 เจ้า ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง และมีลูกค้าเป็นบริษัทเอกชน รวมไปถึงรัฐบาลของหลายประเทศอยู่ด้วย
เดี๋ยววันนี้ในช่วงสนทนาเราจะคุยกันถึงเรื่องนี้ ทั้งอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ท่านทูตสุรพงษ์ จะมาในรายการ คุณสุทิน วรรณบวร ซึ่งค่ำหวอดในวงการข่าว สำนักข่าวต่างประเทศ จะมาพูดคุยกับเราถึงความเป็นไปได้ที่บริษัทล็อบบี้ยิสต์เหล่านี้ ใช้สื่อต่างประเทศ สื่อยักษ์ใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี และให้นโยบายโลกล้อมเมืองไทย ถือว่าเป็นประเด็นที่ฮ็อตสำหรับวันนี้ และเป็นประเด็นที่เราต้องพูดคุยกัน แต่ช่วงนี้ไปพบกับแกนนำ อดีตผู้นำแรงงานท่านนี้ คุณเทิดภูมิ ใจดี สวัสดีค่ะพี่เทิดคะ
เทิดภูมิ - ครับ, สวัสดีครับ
สโรชา - สวัสดีค่ะ, เชิญพี่เทิดค่ะ
เทิดภูมิ - สวัสดีครับพี่น้องผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ทั้งหลายครับ ผมหายไปหลายวัน เนื่องจากว่าไปพักผ่อน ไปที่วังน้ำเขียว เป็นที่ที่เขาว่าอากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โอโซนระดับ 7 ของโลก คนแน่นมาก ไม่นึกว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ไปอยู่ในป่าในเขา พอดีไปพรรคพวกก็พูด พี่น้องสู้ไม่สู้ พอพูดอย่างนี้ รุ่งขึ้นผมอยู่ในที่พัก มีคนมาเยอะ มาหาว่าแกนนำอยู่ที่นี่หรอเปล่า ผมบอกไม่ใช่แกนนำนี่แกนตาม คนมาเยอะเลยครับ มาคุยการบ้านการเมือง ขนาดในป่ายังคนเยอะ แสดงว่าพันธมิตรฯ ของเรามีทุกหนทุกแห่ง เขาบอกใน อ.วังน้ำเขียว ทุกคนดู ASTV แม้เขาจะไม่ได้มาร่วม แต่เขาดู เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมาก ผมอยู่ที่นั่น 3 คืน ไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลย เอาหนังสือไปอ่าน 5 เล่ม พยายามอ่านให้จบให้ได้ อ่านจนจบเลย พอจบก็กลับมาที่ ลงเขาใหญ่มาอยู่แถวปากช่อง ที่เอาต์เล็ต ไปนั่งกินกาแฟ คนเห็นผมเฮโลมาหาเยอะ ผมตกใจ สนับสนุน อ.เทิดภูมิ สนับสนุนเต็มที่ ผมถามสนับสนุนเต็มที่อะไร ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะผมไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย สนับสนุนเต็มที่เลยให้ตั้งพรรคสู้กับเขา ตั้งพรรคอะไร เรายังไม่ได้คิดอะไร ยังไม่ได้ปรึกษาหารือ ผมบอกอันนี้เรื่องตั้งพรรคต้องใจเย็นๆ ใจร้อนไม่ได้หรอก ต้องถามแกนนำก่อนเขาว่ายังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณสนธิต้องปรึกษาหารือ ไม่ปรึกษาหารือไม่ได้หรอก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเป็นยังไง พอกลับมาเล่าให้เพื่อนฝูงฟังเมื่อวานนี้
ผมไปที่วังน้ำเขียว เขาใหญ่ ประชาชนมาหาผมเยอะเลยแล้วพูดถึงเรื่องการตั้งพรรค เอาเลยอาจารย์เห็นด้วย ผมก็ไม่รู้เห็นด้วยยังไง พวกเขาบอกอย่างนี้ คุณสนธิได้พูดเมื่อวันที่ 31 บอกนะ เรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมือง มีคุณเทิดภูมิ สุริยะใส แล้วก็ อ.ไชยวัฒน์ คิดจะตั้งพรรค พูดทำนองนี้ คนได้ยินเลยทำให้ผมวางตัวลำบาก เพิ่งมารู้เอาตอนนี้แหละครับ
จะเห็นว่าพันธมิตรฯ เรา ผมภูมิใจที่สุด ไปที่ไหนก็คนรู้จัก อย่างเมื่อเช้า ไปนั่งกินกาแฟ พอดีแฟนซื้อบ้านใหม่ แล้วผมไปดูว่าเขาก่อสร้างยังไง ไปนั่งกินกาแฟอยู่ที่นั่น ไปนั่งกินกาแฟอยู่ตรงประชาชื่น ปั้มน้ำมันบางจาก คนอยู่ที่ร้าน พวกเด็กๆ ถาม อาจารย์เดี๋ยวนี้ไม่ขึ้นเวทีหรอ ทำไมรู้ว่าผมล่ะ ไปดูตอนไหน เขาบอกว่า 3 ทุ่มกลับไปพวกหนูดูหมดเลย ASTV นี่แหละครับ คนไม่ได้มาชุมนุมกับเรา อยู่กับบ้านเขาดู พ่อแม่เขาดูหมด ทุกคนดูหมด ผมถึงว่า พันธมิตรฯ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผมกล้าพูดได้เลยว่า เป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน และถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของประวัติศาสตร์โลกก็ว่าได้ มีการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ อันนี้เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุด และนี่คือการตื่นตัวของพี่น้องประชาชนที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่เป็นการตื่นตัวที่สุด การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็ง ผมเชื่อได้เลยว่า คนที่จะมาเป็นนักการเมืองต่อไป ถ้าหากไม่มีคุณธรรม ไม่มีคุณงามความดี เป็นนักการเมืองไม่มีคุณภาพ จะดำรงอยู่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด พี่น้องประชาชนเราจะไม่ยอม มีหลายคนพยายามจะใส่ร้ายป้ายสีพันธมิตรฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ ในรัฐบาล อย่าง อ.สมเกียรติ ท่านทูตกษิต ภิรมย์ บอกว่าพวกนี้ไม่เหมาะสมที่จะมาร่วมรัฐบาล เพราะเป็นพวกพันธมิตรฯ ผมอยากจะรู้พันธมิตรฯ มันเสียหายตรงไหน มันเสียหายตรงไหน พวกนั้น ประธานสภากับรองประธานสภา ดร.คนหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นรองประธานสภา แต่ก่อนไปบุกบ้านป๋าเปรม ยังมาเป็นรองประธานสภาเลยครับ พวกเราไม่ได้เสียหายเลย พันธมิตรฯ คืออะไร พันธมิตรฯ คือ ศัตรูของระบอบทักษิณใช่ไหมครับ คนที่เป็นพันธมิตรฯ คือคนที่ต่อสู้กับการโกงชาติ โกงแผ่นดิน ต่อสู้กับคนคิดทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นี่คือพันธมิตรฯ ครับ
อ.สมเกียรติ และท่านทูตกษิต ภิรมย์ มาอยู่กับพันธมิตรฯ เพื่อต่อสู้กับคนโกงบ้านโกงเมือง นี่มันเป็นแนวความคิดอันเดียวกัน ท่านกษิต ภิรมย์ ไม่ได้เป็นแกนนำ แต่ท่านเป็นพันธมิตรฯ คนหนึ่งที่มาร่วม เพราะเห็นว่า ถ้าปล่อยให้พวกนี้โกงชาติบ้านเมืองต่อไปบ้านเมืองเราจะหายนะ ท่านเป็นคนมีความรู้ มีประสบการณ์ ขึ้นมาบอกพี่น้องประชาชนให้เห็นว่า ภัยพิบัติจะมาถึงประเทศยังไง เพราะถ้าปล่อยให้ระบอบทักษิณครองบ้านครองเมือต่อไปบ้านเมืองจะเสียหาย ถึงมาร่วมกับพันธมิตรฯ พี่น้องจะเห็นว่า แกนนำพันธมิตรฯ ที่กล้าต่อสู้ กล้าเอาชนะเพราะอะไร เพราะรู้ว่าปัญหาของประเทศ และเป็นการนำประชาชนในการต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ไม่เคยมีปรากฏการณ์ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ผมเชื่อว่า การตื่นตัวของพี่น้องประชาชนชาวไทยครั้งนี้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยมีมาก่อนเลย ผมไปที่ไหนคนรู้จัก รู้จักเกือบหมดขนาดไม่เป็นแกนนำนะครับ อย่างคุณสนธิ 5 แกนนำ จะขนาดไหนคิดดูก็แล้วกัน ผมไปทุกหนทุกแห่งเขารู้จัก ไปนั่งที่ไหนก็มาทักทายผม ผมภูมิใจที่สุด ภูมิใจที่ว่า เพราะเราได้ทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เราไม่คิดโกงชาติโกงแผ่นดิน ผมถึงอยากถามพวกนั้นหน่อยว่า การที่ อ.สมเกียรติ และท่านกษิตมาเคลื่อนไหวมันผิดตรงไหน ผมถามหน่อยซิที่มาเปิดโปงคนโกงชาติโกงแผ่นดิน
อันนี้แหละครับผมถึงอยากให้รู้ว่า ระบอบทักษิณ พวกเราต่อสู้ตรงไปตรงมา อย่างเปิดเผย แม้พวกเขาต่อสู้บางทีผมก็เห็นด้วยนะ เขาก็เปิดเผยตรงไปตรงมา อย่างจตุพร เขาบอกว่า เขาจะไม่ยอมให้รัฐบาลนี้เดินหน้าประชุมเอเชียนซัมมิต ผมว่าจตุพรน่าปรบมือให้ เขากล้าพูด พวกเสื้อแดงเขาก็กล้านะ ให้มาชุมนุมสนับสนุน ให้เขามาชุมนุมอย่างเรา นี่การเมืองต้องมีความขัดแย้ง ต้องมีการต่อสู้ทางความคิด การขัดแย้งไม่ใช่สิ่งที่เลว การขัดแย้งผมพูดตลอดเลยว่า เป็นสิ่งที่ดี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การพัฒนา ถ้าหากระบอบทักษิณไม่เลว การขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นจะไม่มีพันธมิตรฯ เหมือนกัน ผมอยากให้เสื้อแดงแสดงตัวออกมามากๆ มาชุมนุมทุกวันยิ่งดีเลย มาไล่รัฐบาลทุกวันยิ่งดีเลย อยากให้ทำแบบพวกเรา แต่ทำอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา อย่างที่จตุพรพูด เขาจะเดินหน้าไม่ให้การประชุมอาเซียนซัมมิตได้ นี่เขาประกาศชัดเจน พี่น้องประชาชนตัดสิน ผมถึงว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ดี การพัฒนาเห็นไหมพี่น้อง ประชาชน โดยเฉพาะพันธมิตรฯ ผู้ติดตามพวกเราที่มาร่วมชุมนุม หรือดูอยู่ที่บ้าน อยู่ที่ต่างประเทศเนี้ย ได้เข้าใจปัญหาของประเทศชาติ ของประชาชน ปัญหาของประเทศชาติอยู่ที่ไหน ปัญหาของประเทศชาติอยู่ที่คน ไม่ใช่ที่กฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอยู่ที่คน ถ้าเป็นคนดีมีคุณธรรม ปัญหาจะเกิดขึ้นไหม ไม่เกิดใช่ไหมครับ นักการเมืองไทยเนี้ยครับ ผมถึงบอกว่ามันมีปัญหานี้มาตลอด และไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ เพราะว่าการเมืองภาคประชาชนอ่อนแอ ถึงให้คนโกงชาติ โกงเมืองได้
แต่ต่อไปนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมให้คนมาโกงชาติ โกงบ้าน โกงเมือง อย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ เนี้ยครับ เดี๋ยวนี้เขาพยายามจะไปเจรจากับทักษิณ ใช่ไหมครับ นั่นแหละเขาผิดแล้ว ใช่ไหมครับ ผิดแล้ว ทำไมเขาไม่พูดถึงปัญหาภายในของเขา รัฐบาลจะอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่ทักษิณนะ อยู่ที่ภาวะผู้นำของรัฐบาล ของคุณอภิสิทธิ์ อยู่ที่ภายในของพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันเนี้ยนะครับ จะทำงานให้กับประเทศชาติ ประชาชนได้ดีแค่ไหน เห็นไหมครับว่าทักษิณมีเสียงข้างมากในสภา ใช่ไหมครับ อยู่ได้ไหม อยู่ไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ที่มือ มันอยู่ที่ความซื่อสัตย์สุจริต อยู่ที่ภาวะผู้นำ อยู่ที่รัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารชาติ บ้านเมือง พันธมิตรฯประกาศตลอดเลยว่า จะไม่ให้คนชั่วครองเมือง เราจะต่อสู้กับคนชั่วทุกวิถีทาง เราจะเอาคนดีเข้ามาสู่การเมืองให้ได้ครับ นี่คือพันธมิตรฯได้ประกาศอย่างชัดเจน กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และจุดยืนอันนี้ก็ยังดำรงอยู่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และก็แกนนำทั้ง 5 คน ยืนหยัดในอันนี้ พวกนี้ถึงประกาศตัวจะไม่เล่นการเมืองอย่างเด็ดขาด จะสร้างองค์กรนี้ให้เข้มแข็ง เกรียงไกร ร่วมกับประชาชน คนจะไปตั้งพรรคการเมืองก็ว่ากันอีกส่วนหนึ่งใช่ไหมครับ อย่างผมเนี้ยก็ประกาศอย่างเปิดเผยเลยว่าต้องตั้งแน่ พรรคการเมืองเนี้ยหลีกไม่ได้แล้ว ใช่ไหมครับ มันต้องมี 2 ขา ในสภาก็สู้ นอกสภาก็สู้ ใช่ไหมครับ ปล่อยให้มันไปพูดในสภาได้อย่างเดียว ได้อย่างไร เราต้องมีคนของเราซิครับ แต่การเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ ผมบอกพี่น้องประชาชน จะแตกต่างจากพรรคการเมืองทั้งปวง
เพราะว่าพรรคการเมืองเหล่านั้น มันโดดมาจากยอดลงสู่ข้างล่างใช่ไหมครับ เกิดมาจากผู้นำเพียงคนเดียว มีเงินก็ตั้งพรรคได้ แต่การเมืองภาคประชาชน ต้องเกิดมาจากประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน ใช่ไหมครับ ไม่ใช่ประชาชนมีส่วนร่วมเท่านั้นนะครับ ถ้าจะทำพรรคการเมือง ประชาชนต้องมีส่วนกำหนดใช่ไหมครับ มีบทบาทสำคัญ มันถึงจะเป็นพรรคการเมืองของภาคประชาชนที่แท้จริง ถ้าพรรคการเมืองดำรงอยู่แบบเดิม ก็แบบเดิมๆเท่านั้นแหละครับ มันแก้ปัญหาประเทศชาติไม่ได้ อย่างนี้หลายคนอาจจะหวังในพรรคการเมืองต่างๆ คิดว่าโอ๊ยดีอกดีใจ ท่านอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายก เขาเป็นคนเก่ง นักเรียนนอก มีความรู้ ความสามารถ เพียบพร้อมทุกอย่าง มีความตั้งอกตั้งใจอยากจะเป็นนายกฯมาตั้งแต่เด็กใช่ไหมครับ พยายามสะสมบารมี คุณงามความดี สร้างศรัทธาให้ตัวเองครับ แต่ถ้าองค์ประกอบไม่ดีนะครับ มันก็ลำบากใช่ไหมครับ ภาวะผู้นำของท่านนะครับตอนนี้ ท่านจะต้องมีความแน่วแน่ มั่นคง อยู่ที่ผู้นำครับ ท่านจะนำการเปลี่ยนแปลงไปได้แค่ไหน มันอยู่ที่ท่านแล้วตอนนี้ โอกาสของท่านแล้ว แต่ผมมองดูมันลำบากเหลือเกิน เพราะว่าท่านเนี้ยมาเป็นผู้นำเพราะเทพประทาน จริงไหมครับ คนที่มีบทบาทคือท่านเทพ ท่านเทพออกไปเจรจากับทักษิณแล้ว ใช่ไหมครับ ไปเจรจากับทักษิณ ท่านรู้จักทักษิณน้อยไป การไปเจรจากับทักษิณเนี้ย รู้จักน้อยไป คนของทักษิณก็บอกว่า เทพเอ๊ย มึงอย่ามาเสียเวลาเลย ทักษิณเขาไม่เอามึงหรอก ใช่ไหม เขาพูดชัดเจน เขาชัดเจนแล้ว น่าอายเขาไหมครับ นี่แหละครับคิดว่าตัวเองมีอำนาจต่อรอง ที่ตัวเองได้มาเป็นรัฐบาลเนี้ย เพราะอะไร ต้องดูทีไปที่มาก่อน ใช่ไหมครับ ทำไม มันต้องขอบคุณพันธมิตรฯ ขอบคุณคุณเนวิน ไม่ใช่วิ่งไปหาทักษิณ ผมเคยบอกตลอดเลย ทักษิณไม่ใช่คนธรรมดานะครับ เห็นไหมครับทักษิณจะเอาศัตรูมาเป็นมิตร ศัตรูทักษิณเนี้ยคือมิตรในปัจจุบัน เนี้ยผมพูดตลอดนะ แล้วก็มิตรของทักษิณคือศัตรูของทักษิณในอนาคต เห็นไหมครับ ท่านจะเห็น
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็น เสนาะ เทียนทอง เนี้ย พูดในสภามั่นเลย ลุกขึ้นด่าทักษิณกลางสภา พรรคประชาธิปัตย์ชมเชยว่าเหนาะเป็นคนเก่ง เป็นคนกล้า ที่กล้าต่อสู้กับทักษิณ พูดในสภาลั่นเลยครับ ออกมาข้างนอกสนามหลวงร่วมกับพันธมิตรฯ ยังประกาศสาบานว่าต่อหน้าพระแก้วด้วยครับเห็นไหม นี่ไงครับ สร้างตัวเป็นศัตรูกับทักษิณ ไม่ใช่ 100 % เกินร้อยด้วย ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรครับ ไป เห็นไหม ไปเพราะอะไร นั่นก็รู้กันทั่วไปครับ แล้วกับพรรคประชาธิปัตย์นี่ มาเดินเกมส์แบบนี้เขาอ่านออกหมดแล้วท่านสุเทพ พันธมิตรฯผมไม่โง่ ผมบอกเลย เขารู้หมด เขาติดตามการเมืองตลอดเวลา การตื่นตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ถือว่าเขาโง่ก็ได้ครับ ที่สามารถทำให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง รับรู้ปัญหาของเขาครับ เขาจะไม่ยอมให้คนมาทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อย่างเด็ดขาด อันนี้คือพันธมิตรฯ และถ้าหากพวกเรามีโอกาส ผมบอกว่าพรรคการเมืองเนี้ย ผมพึ่งรู้เมื่อกี้ก่อนมา เจอคุณสนธิ เมื่อกี้เนี้ย เอ๊ะ คุณสนธิ ได้พูดถึงผมหรือเปล่า เรื่องพรรคการเมือง เอ่อ ผมก็เปรยๆไปแล้วแหละ ผมพูดเรื่องทั่วๆไปว่า สำหรับพวกเราแกนนำเนี้ย ไม่เอาหรอกการเมือง คนที่คิดจะลงการเมืองก็มี คุณเทิดภูมิ คุณสุริยะใส แล้วก็มี อ.ไชยวัฒน์ แหม ผมก็ดีอกดีใจ ที่พูดถึงอย่างนี้ครับ ผมก็ถ้าคุณสนธิ เห็นด้วยมันก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันเดินได้คล่องครับ เพราะว่าเราเนี้ยมันจะแยกจากพันธมิตรฯไม่ออก เพราะที่เกิดมาเนี้ยเพราะว่าเกิดมาจากพันธมิตรฯใช่ไหมครับ ถ้าไม่มีพันธมิตรฯเราก็ไม่สามารถที่จะให้คนรู้จักทั้งประเทศได้อย่างนี้ ให้คนเข้าใจได้อย่างนี้ เราได้มีโอกาสมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาพบปะพี่น้องประชาชน มาพูดปัญหาของประเทศ ซึ่งผมเคยพูดมาตลอด ประเทศไทยไม่มีปัญหาอยู่ที่คน คนเป็นผู้นำ และคนเป็นผู้ตามคือประชาชน ประชาชนไม่ตื่นตัวทางการเมือง การเมืองภาคประชาชนอ่อนแอ ถึงทำให้เขาโกงชาติ โกงบ้าน โกงเมือง พวกเราจำเป็นที่จะต้องติดอาวุธทางความคิดให้ประชาชน ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าประชาชนไม่มีความคิด ไม่ติดอาวุธทางความคิดให้ประชาชน เปลี่ยนแปลงไม่ได้อย่างเด็ดขาดใช่ไหมพี่น้อง นี่ผมเห็นชัดเจน ประชาชนของเราตื่นตัวมากที่สุด ผมว่ามันครึ่งประเทศนะถ้านับจริงๆ ผมมั่นใจอย่างนั้น แล้วปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่จะสร้างมาได้ง่ายๆ คนที่จะสร้างความศรัทธา หรือสร้างบารมีกับประชาชน ไม่ใช่อยู่ๆ จะสร้างขึ้นมาได้พี่น้อง ผมถึงบอกว่าคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่อยู่ๆ คุณจะเอามาได้ ไม่ใช่ทักษิณสั่งใครก็ได้ เหมือนเมื่อก่อนจะเอาใครก็ได้ หมักก็ได้ สมชายก็ได้ ใครก็ได้ แถมเหลิมมาอีก บ้านเมืองฉิบหายแล้วแบบนี้ ใครจะไปยอม เขาคิดว่าประชาชนโง่หรอ นี่คือเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ประชาชนก้าวหน้าไปไกลมาก ผมไปเห็นทุกหนทุกแห่ง เขาก้าวหน้าไป เขาล้ำหน้าไปแล้ว เขาเรียกร้องต้องการอะไรคุณรู้รึเปล่า เขาเรียกร้องต้องการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ต้องการคนชั่วมาปกครองบ้านเมือง เขาต้องการคนดีใช่ไหมครับ ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของโลก แล้วคนไทยมีสติปัญญาปราดเปรื่อง แต่คนดีไม่ได้เข้าสู่อำนาจ มีแต่คนชั่วเท่านั้นในอดีต นี่คือปัญหาของประเทศไทย เราต้องขจัดให้ได้ ผมถึงว่าพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาใหม่จะต้องไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่นใดที่เป็นมา จะต้องเป็นการเมืองมีลักษณะพิเศษ มีลักษณะเฉพาะ นั่นคือประชาชนมีส่วนกำหนดทั้งหมด บอกว่าหมดเวลาแล้ว ผมก็ต้องทำตามครับ ขอบคุณมากนะครับ สวัสดีครับ