“เทพเทือก” ยันไม่ใช่กำลังสลายกลุ่มเสื้อแดง พร้อมเลื่อนการประชุมออกไป หากเข้าไม่ได้ เผยไม่กล้าเสี่ยงเดินเท้าเข้าสภา หวั่นไม่ปลอดภัย ปธ.วิปรัฐบาลยอมรับ รัฐบาลเป็นแค่รักษาการณ์ หากแถลงนโยบายไม่ได้ ด้าน “ชวน” ค้านหาที่ใหม่แถลงนโยบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ธ.ค.) บรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มคึกคักตั้งแต่เวลา 06.30 น. โดย ส.ส.ต่างทยอยเดินทางมาที่พรรคอย่างต่อเนื่อง และยืนจับกลุ่มคุยกันถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมปิดล้อมทางเข้าออกรัฐสภาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย ส.ส.บางส่วนพูดกระเซ้ากันเองว่าวันนี้อาจต้องปีนกำแพงออกจากสภา ขณะที่บางส่วนจับกลุ่มคุยอย่างเคร่งเครียด ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้โดยสารรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกจากที่ทำการพรรคเพื่อไปสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช.
ส่วนการดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์มีความเข้มงวดมากกว่าปกติ โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบหลายนายมายืนประจำตามจุดต่างๆรอบพรรค อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลได้นำรถควบคุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คัน มาจอดไว้หน้าที่ทำการพรรคด้วย
จนเมื่อเวลา 07.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก็เดินทางมาถึงด้วยสีหน้าปรอดโปร่ง แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงว่า ขอหารือกันก่อน จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินขึ้นไปประชุมประเมินสถานการณ์ร่วมกับแกนนำพรรค อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรค นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรค ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารมูลนิธิควง อภัยวงศ์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี่ที่กลุ่มเสื้อแดงปิดล้อมรัฐสภา ไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายว่า ขณะนี้ตนได้ส่งคนไปเจราจากับกลุ่มผู้ชุมชุนอยู่ และคิดว่าถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจว่า เราตั้งใจที่จะไปแถลงนโยบาย เพื่อให้ประชาชนได้กลับบ้านไปฉลองปีใหม่ได้อย่างมีความสุข ว่ามีรัฐบาลแล้ว แต่หากผู้ชุมนุมยังไม่เห็นใจ เราเลื่อนต่อไปเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแผนสำรองหรือไม่ เพราะตามกรอบรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องแถลงรนโยบายภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบในวันที่ 7 ม.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เราอย่าไปมองโลกในแง่ร้าย ค่อยทำไปที่ละขั้นตอน เดิมตั้งใจว่าจะแถลงนโยบายก่อนปีใหม่ เขาไม่ให้ทำ หรือทำไม่ได้ หลังปีใหม่แล้วอารมณ์ดีขึ้น อาจทำได้ก็ได้
ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าจะเปิดทางให้ ส.ส.เข้าสภา แต่ต้องเดินเท้าเข้าไปนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เสนอให้สมาชิกรัฐสภาเสี่ยงเดินเข้าไปอย่างนั้น เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถควบคุมคนจำนวนมากได้ ดูได้จากวันโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.นั่งรถยนต์กันออกมาจากสภาแท้ๆ รถพังไปตั้งหลายคัน คนบาดเจ็บไปหลายคน จนถึงขณะนี้บางคนยังไม่หายเลย ส่วนเรื่องการเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายนั้นก็ค่อยมาหารืออีกครั้ง
“จริงๆ แล้วการประชุมเป็นเรื่องของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่จะตัดสินใจ แต่เราก็เสนอความเห็นไป ว่าถ้ามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าก็ค่อยๆ คิดกัน ตอนนี้ก็คิดอย่างนี้ไปก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้กราบเรียนนายชัย แต่ถ้าเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยสำหรับสมาชิกรัฐสภา เราคงจะกราบเรียนให้ทราบ” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าจะทราบผลได้เมื่อไรว่าประเมินแล้วจะไม่ปลอดภัย และต้องมีการเลื่อนแถลงนโยบาย นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้นัดประชุมรัฐสภา 09.00 น.ประมาณ เวลา 08.00 น.ขึ้นไป ถ้าเรายังไม่สามารถเปิดทางเข้ารัฐสภาได้ ก็ต้องเรียนนายชัย ว่าอาจเลื่อนออกไป เป็นบ่ายนี้ คืนนี้ หรือเลื่อนไปพรุ่งนี้เช้า
ต่อข้อถามว่า ได้มีการประสานไปทางฝ่ายค้านบ้างหรือไม่ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการชุมนุมครั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ลองประสานกับฝ่ายค้าน แต่รู้สึกว่าเขาจะพูดจาไปในทางเดียวกันอยู่แล้ว แต่ตนจะลองดู ส่วนจะเจรจากับใครนั้นเป็นเรื่องลำบาก เพราะหัวหน้าพรรคของเขาอยู่นอกสภา ไม่ทราบว่าใครจะตัดสินใจได้ แต่จะให้ทางวิปรัฐบาลประสานกันดูก่อน อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการใช้กำลังเด็ดขาด รัฐบาลนี้ไม่มีวันทำร้ายประชาชนไม่ว่าประชาชนนั้นจะเป็นผู้ที่จะมาแสดงความเห็นในลักษณะไหนก็ตาม จะไม่มีทั้งการใช้แก๊สน้ำตา หรือน้ำฉีดสลายการชุมนุมเด็ดขาด
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับสิ่งที่เกิดขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า กังวลใจอยู่บ้าง เพราะทราบดีว่าประชาชนทั้งประเทศรอรัฐบาลอยู่ และอยากกลับฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข แม้เราจะพยายามแล้วแต่เกิดปัญหาและอุปสรรคก็ทำให้รู้สึกกังวล แต่ตนจะรอดูต่อไปเพราะยังมีเวลา ต่อข้อถามว่า ถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าจากนี้ไปการทำงานของรัฐบาลไม่ราบรื่น นายสุเทพ กล่าวว่า ทราบว่าไม่ราบรื่น แต่ต้องพยายาม เป็นหน้าที่ซึ่งเราก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คิดว่าจะสามารถเดินหน้าไปได้ หากประชาชนทั้งประเทศให้การสนับสนุน เพราะพลังที่แท้จริงไม่ใช่แค่ 2 หมื่นคน ต้องดู 65 ล้านคนที่อยู่ในประเทศว่าคิดอย่างไร เมื่อถามว่า จะอยู่ได้เกิน 3 เดือนมากกว่าที่มีการทำนายไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เอาเป็นว่า เราทำงานวันต่อวันก็แล้วกัน
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มีแผนอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ตนอยากเห็นทุกอย่างผ่านไปด้วยความราบรื่น เพราะต้องยอมรับความจริงว่า สังคมได้รับบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง เช่นกรณีวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก และรัฐบาลก็ต้องการเพียงแค่การปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ว่าเมื่อถวายปฏิญาณแล้วก็จะต้องแถลงนโยบายกับรัฐสภา
ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มองในแง่ดีก็เห็นว่าเหตุการณ์คงไม่มีอะไร เมื่อถามว่ารัฐบาลจะสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ทันหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ถ้าเข้าไม่ได้ก็ต้องเลื่อนการแถลงออกไปก่อน แม้จะมีผู้ชุมนุมปิดล้อมก็ไม่เป็นอะไร ยังพอมีเวลาแต่อย่าให้เกินกรอบเวลาที่บังคับไว้ก็แล้วกัน เมื่อถามต่อว่าต้องเปลี่ยนสถานที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ควร
เมื่อเวลา 07.30 น. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงปิดถนนและให้ส.ส.เดินเท้าเข้าไปนั้น เราคงไม่กล้าเสี่ยงให้ส.ส.เดินไปในสถานที่ที่ยังไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัย ขณะนี้ได้ประสานให้พรรคร่วมอยู่ในที่ทำการ รอผลการเจรจาของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน หากเจรจาสำเร็จถึงจะเข้าสภาพร้อมๆกัน
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้ เพราะยังมีเวลาทำได้อยู่ และไม่เคยคิดเรื่องการเปลี่ยนสถานที่ แม้กฎหมายจะไม่มีข้อจำกัดเรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานที่แถลงนโยบาย อย่างไรก็ตาม ตนอยากวิงวอนให้รัฐบาลได้มีโอกาสแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะการแถลงนโยบายเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่น และกระบวนการรัฐสภาจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ถ้ามีอะไรก็อยากให้เข้ามาคุยในรัฐสภาเหมือนกับที่ฝ่ายนั้นเรียกร้องมาตลอด
“แม้รัฐบาลจะยังทำงานได้ ถึงไม่แถลงนโยบายได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 176 (2) ก็ตาม แต่นายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายให้นายสุเทพ (เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี) เจรจาไปเรื่อยๆให้เปิดทางเข้าไปแถลงนโยบายได้ เพราะประเทศต้องการความเชื่อมั่น และเราก็ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง” นายชินวรณ์ กล่าว และว่า ถ้าไม่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ก็จะมีอำนาจเหมือนรัฐบาลรักษาการเท่านั้น คือไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการหรือเข้าไปจัดการกับงบประมาณได้