“เฉลิม” ยังอุบข้อมูลอภิปรายนโยบาย รบ. เผยให้สิทธิ์ “ป๋าเหนาะ” เต็มที่ในฐานะผู้อาวุโส ด้านวิปเผยฝ่ายค้านใช้เวลาทั้งหมด 18 ชม.เน้นจริยธรรมนักการเมือง พร้อมส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมทั้งหมด 15 เขต
วันนี้ (26 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย และนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงข่าวการเตรียมทีมแถลงนโยบายรัฐบาลและการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.
ร.ต.อ.เฉลิม แถลงว่า วันนี้ส.ส.ของพรรครวมทั้งตัวแทนพรรคเพื่อแผ่นดินคือนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน มาร่วมประชุมในเรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาลด้วย โดยวันนี้พรรคได้เชิญนักวิชาการมาร่วมวิพากษ์นโยบายรัฐบาลให้ ส.ส.รับฟังเพื่อให้มีความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาล โดยการอภิปรายนั้นจะมี 2 พรรคครึ่งและส่วนหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช พรรคเพื่อแผ่นดินครึ่งหนึ่ง โดยส่วนหนึ่งคือพรรครวมใจไทยฯ1คน
ส่วนหัวหน้าทีมการอภิปรายนโยบายแต่ละด้านนั้น ได้เตรียมไว้แล้วแต่ไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้ ส่วนสิทธิการอภิปรายนั้นพรรคจะให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชใช้สิทธินี้เต็มที่ในฐานะผู้อาวุโส ตนนั้นก็ได้อภิปรายเยอะหน่อย ส่วนคนอื่นๆจะเฉลี่ยเวลากันตามที่นายวิทมยาจะจัดสรรให้ตามความเหมาะสม หากพอก็พอ หากไม่พอก็ไปเจรจากับรัฐบาล ส่วนบุคคลที่จะอภิปรายต่อจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกฯหลังแถลงเสร็จแล้วนั้นขอไม่บอกในตอนนี้แต่ยืนยันว่าให้เวลาอภิปรายเต็มที่
“ผมไม่คิดว่าเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ไปหาเสียง เช่น การแก้ไขปัญหาจราจร และเมกะโปรเจกต์ หรือนโยบายความมั่นคงและสังคม เช่น การปราบยาเสพติดนั้น พรรคประชาธิปัตย์กลับไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในการแก้ไขเรื่องราวเหล่านี้เลย และนึกไม่ถึงว่าทำไมจึงคิดเเบบนั้นไปได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
นายวิทยา กล่าวเสริมว่า ฝ่ายค้านได้เวลา 18 ชั่วโมง ตอนนี้พรรคเพื่อแผ่นดินขอ2ชั่วโมง มีผู้อภิปราย 9 คน เช่น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายนัจมุดดีน อูมา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ นายสมเกียรติ เป็นต้น ส่วนพรรคประชาราช และตัวแทนจากพรรครวมใจไทยฯยังไม่แจ้งเข้ามาว่าจะใช้เวลาเท่าใด แต่เวลาที่เหลือจะเป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคจัดทีมเตรียมอภิปรายแล้วในทุกด้าน โดยจะเน้นเรื่องจริยธรรมนักการเมืองเพราะนโยบายนั้นจะปฏิบัติไม่ได้หากที่มาของนายกฯ และครม.ไร้จริยธรรม ที่จะบริหารงานบ้านเมืองไม่ได้
ที่มาของนายกฯ และครม.ไม่ชอบมาพากล พรรคประชาธิปัตย์บอกว่ารักษาประชาธิปไตย60กว่าปีแต่ครั้งนี้มันแตกต่างจากเดิม คือ ไม่น่าเป็นไปได้และไม่ชอบธรรม ส่วนครม.นั้น รัฐมนตรีบางคนก็มาจากพันธมิตรฯ ก็ไม่ไว้วางใจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้ บางคนก็มีที่มาแบบเอื้อประโยชน์กัน
นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนนโยบายรัฐบาลชุดนี้ก็ล้อมาจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนโดยแทบไม่มีความแตกต่าง หลายเรื่องไม่มีคำตอบ เช่นการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศจากผลกระทบการยึดสนามบินของผู้ก่อการร้ายและความสูญเสียการท่องเที่ยวที่ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม หรือทำได้ยาก โดยประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่อาจไปตกอยู่กับคนบางคนเท่านั้น
ส่วนการส่งผู้สมัคร ส.ส.15 เขตลงเลือกตั้งซ่อมวันที่ 11 ม.ค.2552 นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนรับหน้าที่ ผอ.เลือกตั้ง โดยจะจัดตารางหาเสียงแบบคาราวาน คือไปหาเสียงเป็นทีมโดยจะเลือกจังหวัดที่อยู่ใกล้ๆ กันแล้วเดินสายปราศรัย ส่วนตารางเวลาว่าจะไปจังหวัดไหนในช่วงเวลาใดบ้างนั้น จะเปิดเผยหลังการอภิปรายนโยบายรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัคร ส.ส.15 เขต ดังนี้ กทม.เขต 10 ส่งนายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ จ.สมุทรปราการ เขต 1 ส่งนางอรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ จ.สิงห์บุรี เขต 1 ส่งนายพายัพ ปั้นเกตุ จ.อ่างทอง เขต 1 ส่งนางเพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมไชย จ.ลำพูน เขต 1 ส่งนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล จ.ลำปาง เขต 1 ส่งนายสมโภช สายเทพ จ.อุบลฯ เขต 2 ส่งนายสุขุมรัฎฐ์ สารีบุตร และนายเกียรติอุม เมนะศักดิ์ จ.อุบลฯ เขต 3 ส่งนายกิตติพงษ์ เทียมสุวรรณ จ.ฉะเชิงเทรา เขต 1 ส่งนายศิครินทร์ จันทรศร จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 ส่งนายปิยะรัช หมื่นแสน จ.ลพบุรี เขต 1 ส่งนายประสงค์ สอนมานะ จ.ราชบุรี เขต 1 ส่งนายเดชา ตุลาธาร จ.บุรีรัมย์ เขต 2 ส่งนายจำรัส เวียงสงค์ จ.สุพรรณบุรี เขต 1 ส่งนายแก้วตา โล่ห์กิม นางสมจิตร พิชยชัย นางดาวเรือง ดิษกุล เขต 1 จ.นครพนม ส่งนายสุริยา พรหมพักดี เขต 1 จ.มหาสารคาม ส่งนายขจิต ชัยนิคม โดยจังหวัดที่พรรคจะเน้นการหาเสียงและส่งทัพหลวงไปปราศรัย คือ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของกลุ่มเพื่อนเนวิน
