วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม บรรดาญาติพี่น้อง เพื่อน ตลอดจนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมไปถึงเพื่อนการ์ดอาสา และแนวร่วมพันธมิตรฯ จำนวนมากเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยครั้งสุดท้าย ในงานฌาปนกิจ “น้องติ๊ก” หรือ น.ส.ศศิธร เชยโสภณ การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกจากรถปิกอัพ ขณะเคลียร์พื้นที่ชุมนุม ออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมส่งดวงวิญญาณสู่สุคติภพ
สุดอาลัย พันธมิตรฯ-การ์ดอาสา ร่วมส่ง “น้องติ๊ก” สู่สุคติ
ในวันฌาปนกิจ วันที่ 14 ธันวาคม 2551
ณ เมรุ วัดมงกุฎกษัตริยาราม
ด้วยความถ่อมตัวอย่างยิ่ง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มีโอกาสมาร่วมบำเพ็ญกุศล มากล่าวคำอำลา และสดุดี น้องติ๊ก หรือคุณศศิธร เชยโสภณ ผู้สละชีวิตให้แก่บ้านเกิดเมืองนอน ด้วยการเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนกระทั่งถึงวันสุดท้าย
คุณงามความดีของคุณศศิธรในครั้งนี้ ไม่แตกต่างกับแบบฉบับของวีรสตรีไทยในอดีตกาล ที่ปรากฏอยู่ในโศลกอันงดงาม ซึ่งได้ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ว่า
แรงเหมือนมด อดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง
จะเป็นจริง ดังว่า หรือหาไม่
เมืองถลาง ปางจะจอด รอดเพราะใคร
เพราะหญิงไทย ไล่ฆ่า พะม่าแพ้
คุณศศิธรเป็น “หญิงไทย” อีกคนหนึ่ง ที่มีสิทธิอันสมบูรณ์ที่จะได้รับการจารึกชื่อเป็นวีรสตรี ร่วมกับน้องโบว์ทั้งสองและคนอื่นๆในยุคของเธอ ความสำเร็จของกองทัพสตรีมือตบ กองทัพธรรมพันธมิตรฯ อาสาสมัครพยาบาลพันธมิตรฯ การ์ดพันธมิตรฯ ทั้งชายและหญิง ได้รวมเข้าอยู่ในตำนานการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยบันลือโลก 192 คืน 193 วัน ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศใดจะลบล้างสถิติได้
คุณศศิธรซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ในฐานะการ์ดอาสาสมัครได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างขันแข็ง และมีน้ำใจที่จะสละเวลาและแรงกายดูและเก็บกวาดสิ่งของเพื่อให้การชุมนุมจบลงอย่างใสสะอาดและงดงาม
ใครจะนึกถึงว่าวัยเยาว์และชีวิตอันงดงามของคุณศศิธรจะจบลงในครั้งนี้ พร้อมกับการชุมนุมที่กำลังจะปิดฉากลง ความสำเร็จของการชุมนุมในครั้งนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ผมขอยกย้องให้ ผู้หญิงไทย เอ เอส ทีวี และกองทัพธรรม
ผมมีความเชื่อมั่นและเคารพบูชาในความเป็น “แม่ไทย” ของผู้หญิงไทย ไม่ว่าจะมีพื้นเพเชื้อชาติศาสนาใด ความรักที่แม่ไทยมีให้กับลูกทุกคนด้วยความรักที่แยกแยะ แต่ไม่ลำเอียง และความเสียสละของแม่ไทยที่ให้กับลูก จะถ่ายทอดไปสู่การสร้างมาตรฐานของประชาธิปไตยที่แท้จริงได้สักวันหนี่ง
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเฝ้ามองบทบาทของสตรีในการเมืองไทย รวมทังในการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งนี้ ด้วยความศรัทธาและชื่นชม ร่วมทั้งบทบาทของ “แม่แบบ” อีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะจากเราไปในวันนี้คือ คุณศศิธร ผมหวังว่าการจากของเธอในครั้งนี้จะเป็นเพียงแต่กาย ความจดจำรำลึก ความดีและตัวอย่างของเธอจะอยู่กับเราตลอดไป เป็นความมุ่งมั่นจรรโลงใจให้คนรุ่นหลังจำเริญรอยตาม เมื่อได้เห็นภาพในหน้าหนังสือพิมพ์ ผมใจหาย เพราะผมเคยได้พบหน้าและสนทนากับคุณศศิธรมาก่อน อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง หลังเวทีพันธมิตรฯ
เพราะฉะนั้น ผมจึงเชื่อว่า การที่ผมมีโอกาสมาร่วมบำเพ็ญกุศลให้กับเธอในวันนี้ย่อมจะมิใช่ความบังเอิญเลย ผมขอความกรุณาให้พี่น้องและญาติมิตรทุกคนยืนขึ้น สำรวมจิตและอธิษฐานร่วมกับผม ขอให้วิญญาณของคุณศศิธรไปสู่สุคติ พวกเราที่อยู่ข้างหลังขอปฏิญาณว่าจะร่วมกันต่อสู้ เพื่อให้ประเทศไทยที่รักของคุณศศิธรสามารถสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง อันเป็นหลักประกันแห่งสิทธิเสรีภาพ สาธารณประโยชน์ และความเป็นธรรมในสังคม ตามที่คุณศศิธรได้ใฝ่ฝันและสละชีวิตต่อสู้มาแล้วจนสุดปัญญาสามารถ
ปราโมทย์ นาครทรรพ