ครม.รักษาการ รีบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังพันธมิตรฯ ยอมสลายการชุมนุมในพื้นที่สนามบิน ด้าน “โกวิท” ตัดพ้อรัฐใช้กฎหมายไม่มีใครสนอง ชี้กำลังพลน้อย-กองทัพไม่สนับสนุน
วันนี้ (9 ธ.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เขตดอนเมือง และเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ คำสั่งและประกาศที่เกี่ยวข้องตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ดังกล่าว ลงในวันที่ 27 พ.ย.2551 เพื่อใช้มาตราการต่างๆ ตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เข้าควบคุมระงับยับยั้ง แก้ไขปัญหาความวุ่นวายและความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศนั้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในขณะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ยุติการชุมนุมไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงดังกล่าวได้เข้าสู่ภาวะปกติ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐสามารถใช้มาตราการตามกฎหมายต่างๆ ระงับยับยั้งแก้ปัญหาได้ตามปกติแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 45 และมาตรา 63 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
“รักษาการนายกรัฐมนตรีจึงได้ออกประกาศไว้ ดังนี้ 1.ให้ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เขตดอนเมือง และเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ลงในวันที่ 27 พ.ย.2551 และ 2.บรรดาคำสั่งและประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อันเนื่องมาจากได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เขตดอนเมือง และเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ให้เป็นอันสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2551 เป็นต้นไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ไม่มีความจำเป็นและเหตุผลที่จะบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ในพื้นที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง ครม.ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้พอสมควร เช่น นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รักษาการรมช.สาธารณสุข เสนอการประเมินและการปฏิบัติหลังจากการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยผลในทางปฏิบัตินั้นไม่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อจะได้เป็นข้อมูลว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เช่นใดและหวังผลได้หรือไม่ ส่วน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รักษาการ รมว.มหาดไทยในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลสถานการณ์ กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ให้ผลในด้านให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ว่าการดำเนินการใดๆมีกฎหมายรองรับและชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
“ขณะเดียวกันก็ระบุว่า การควบคุมสถานการณ์หลังจากที่พันธมิตรฯ ยึดสนามบินทั้งสองแห่งนั้น ในการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่พร้อมใช้กฎหมายและมั่นใจที่จะคลี่คลายสถานการณ์โดยสันติวิธี แต่ปัญหาและข้อจำกัด คือ อัตรากำลังที่จะนำมาสนับสนุนผู้ปฏิบัติมีไม่พียงพอ ตำรวจในฐานะผู้ปฏิบัติการหลักนั้นมีกำลังไม่เพียงพอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงได้นำกำลังจาก อสส.มาเพิ่ม แต่ทหารมาช่วยงานเพียงไม่กี่กองร้อยซึ่งไม่เพียงพอในการปฏิบัติ รมว.มหาดไทย ก็บอกว่าประกาศฉบับนี้หากจะได้ผลนั้น กำลังต้องเพียงพอต่อสถานการณ์” นายณัฐวุฒิ กล่าวอ้างคำพูดของพล.ต.อ.โกวิท
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ครม.ควรมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา ต่อแกนนำพันธมิตรฯ ผู้ชุมนุมและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการในปฏิบัติและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปที่จะยึดสถานที่สำคัญและสถานที่ราชการจนเกิดความเสียหายที่ส่งกระทบไปในวงกว้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ พล.ต.อ.โกวิท ได้ออกมาพูดถึงข้อบอกพร่องในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยมีการพูดถึงการให้ความร่วมมือของทหารหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง แต่มีการพูดเพียงผลการบังคับใช้ หลักการที่ พล.ต.อ.โกวิท เสนอคือ หากมีอัตรากำลังเพียงพอ ก็สามารถปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเท็จจริงที่ พล.ต.อ.โกวิท รายงานข้อเท็จจริง คือ อัตรากำลังไม่เพียงพอ ทหารยังมาไม่มากนัก ถ้าเทียบกับตำรวจ หรืออส.
เมื่อถามว่า ในการขอกำลังทหารนั้นขอไปเยอะหรือ ทางทหารส่งมาน้อย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เข้าใจว่า ถ้าขอไปแล้วได้ตามกำลังที่ขอ คงไม่บอกว่าน้อย เมื่อถามว่า เป็นหน้าที่ของครม.หรือไม่เมื่อส่งกำลังมาน้อย นายณัฐวุฒิชี้แจงว่า ตามหน้าที่แล้วพื้นที่ดอนเมืองเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล และข้าราชการทหารกองทัพอากาศ ส่วนพื้นที่สุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และข้าราชการทหารกองทัพเรือ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการตนไม่ทราบ ไม่มีการอภิปรายแง่มุมอื่นต่อในประเด็นนี้ เมื่อถามว่า มีผู้เสนอให้ทบทวนการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงต่อจากนี้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีการพูดคุยว่า ควรจะมีการสร้างบรรทัดฐานด้านการปฏิบัติความมั่นคงต่อจากนี้ หากมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น คงต้องดำเนินการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว ดำเนินการให้มีผลทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด โดยรักษาการนายกฯเป็นผู้ลงนาม