นักวิชาการ หนุนภาคการเมืองเปลี่ยนขั้ว ปลดล็อกปัญหา ชี้ ภาพลักษณ์ “อภิสิทธิ์” เป็นที่คาดหวังใหม่ทั้งในสายตาคนในและต่างประเทศ เชื่อ ปลุกกระแสคนเสื้อแดงออกมาป่วนไม่น่าห่วง
วันนี้ (7 ธ.ค.) นายสมภพ มานะรังสรรค์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การจับมือเปลี่ยนขั้วทางการเมืองของ 4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม กับกลุ่มเพื่อนเนวิน เพื่อตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ นั้น จะช่วยลดปัญหาวังวนของการเมืองในช่วงที่ผ่านมาได้ และช่วยปลดล็อกปัญหาการเมือง แต่การตั้งรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีต้องเป็นที่น่าเชื่อถือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทั้งในและต่างประเทศได้ มองว่า นายอภิสิทธิ์ ถือว่ายังเป็นที่ยอมรับได้ เพราะรัฐธรรมนูญในปัจจุบันกำหนดให้นายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส.จึงมีข้อจำกัดพอสมควร และที่สำคัญ คือ การหาทีมเศรษฐกิจเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญอยู่ โดยเฉพาะจะมีความรุนแรงมากขึ้นในต้นปีหน้า
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นระบบการเมืองของไทย และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการส่งออก ซึ่งจะไม่ขยายตัวในปีหน้า ปัญหาการว่างงาน จากธุรกิจเอกชนลดการผลิต ทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน การท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ จะต้องเร่งฟื้นฟูโดยเร็ว ที่สำคัญนโยบายมหภาคทั้งการเงินและการคลังต้องเหมาะสมกับฐานะของประเทศ ไม่ใช่แก้ปัญหาและหวังโปรยยาหอมในช่วงสั้นและสร้างปัญหาในระยะยาว
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองน่าจะลดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองลงไปได้ และคาดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะหาทีมเศรษฐกิจเข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์คนในกรุงเทพฯ และคนระดับกลาง ยังให้กำลังใจอยู่ แม้จะมีปัญหาการเมืองก็คงหาคนเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทยจะหาทีมเศรษฐกิจมาร่วมงานด้วยในขณะนี้ แต่การจัดตั้งรัฐบาลก็ควรระวังจำนวนเสียงของ ส.ส.เพราะหากสัดส่วนของรัฐบาลใหม่และฝ่ายค้านใกล้เคียงกันมาก ในยุคมีปัญหาการเมืองจะบริหารงานลำบาก และอาจนำไปสู่การยุบสภาได้อีก อีกทั้งอาจมีปัญหาการประท้วงแบบกลับด้าน คือ กลุ่มเสื้อแดงก็จะออกมา แต่คงไม่รุนแรงเหมือนกับเสื้อเหลือง เพราะเสื้อแดงประกาศชัดเจนว่า ต้องการการเมืองแบบประชาธิปไตย