อดีต ส.ส.ร.เชื่อยุบพรรค สถานการณ์บ้านเมืองไม่เปลี่ยน เตรียมใจต้อนรับนายกฯ นอมินี ด้าน “เสรี” เผยยุบ 3 พรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องดี เชื่ออนาคตไทยได้เห็นนักการเมืองน้ำดีแน่ เหตุเกรง กม.หลังศาล รธน.เชือดไก่ให้ลิงดู
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายเดโช สวนานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 (ส.ส.ร.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัฌชิมาธิปไตยว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และคงเป็นเหมือนตอนที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค เพราะสถานการณ์เช่นนี้เป็นไปตามที่แต่ละพรรคคาดการณ์ไว้แล้ว โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนก็มีการเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ส.ส.ก็สามารถย้ายพรรคได้ตามรัฐธรรมนูญกำหนดภายใน 60 วัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้นตนเชื่อว่าคงเป็นนอมินีคนที่ 3 อย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ก็มีการวางตัวไว้แล้ว คือ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในช่วงนี้คงไม่มีการประกาศยุบสภาอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรักษาการนายกฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนการชุมนุมของพันธมิตรฯ หากยังคงมีการชุมนุมต่อไปก็ถือเป็นสิทธิที่กระทำได้ แต่ทั้งนี้ไม่ควรไปยึดสนามบินเพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวถึงสถานะ ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 พรรคที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคว่า ตามกฎหมายกำหนด เมื่อพรรคถูกยุบ ส.ส.เขต และ ส.ส.สัดส่วน สามารถย้ายเข้าพรรคใหม่ได้ภายใน 60 วัน ส่วน ส.ส.เขตที่ว่างลงจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกตัดสินยุบพรรคแล้ว ตนเชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองคงไม่ดีขึ้น เพราะกลุ่มขั้วอำนาจเดิมยังคงเป็นรัฐบาลต่อไป นอกจากนี้คนที่มีอำนาจที่แท้จริงที่อยู่นอกพรรคก็ยังมีอำนาจสั่งการได้อยู่
นายสมบัติ กล่าวต่อถึงการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ก็น่าจะดำเนินต่อไป เพราะพันธมิตรฯ ต่อสู้กับพรรคการเมืองที่ไร้สปิริต ไม่มีมารยาททางการเมือง และทำทุกอย่างเพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจ ดังนั้น ทางออกของประเทศก็ยังคงมืดมิดอยู่
ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต ส.ส.ร.50 กล่าวว่า จากคำตัดสินยุบ 3 พรรคการเมืองนั้น ตนเห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่คนไทยจะเริ่มได้เห็นการเมืองรูปโฉมใหม่ ไม่ใช่แบบเดิมๆ ที่มีการทุจริตการเลือกตั้งซื้อเสียงจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการตัดสินยุบพรรคครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่ากฎหมายยังเป็นกฎหมาย ทำให้เห็นว่ามีการเอาจริงเอาจังต่อการแก้ปัญหาการโกง จะได้เป็นที่รู้กันว่าเมื่อใดก็ตามที่นักการเมืองทำผิดจะถูกลงโทษ ทั้งนี้ ตนคาดว่าในภายภาคหน้าอาจจะเกิดกรณีการยุบพรรคอีกประมาณ 2-3 ครั้ง รับรองว่าคนไทยจะได้เห็นพรรคการเมืองน้ำดีของจริงอย่างแน่นอนเพราะไม่มีใครกล้าทำผิด และตราบใดที่นักการเมืองไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะถูกดำเนินการเช่นนี้ต่อๆ ไป ซึ่งตนเชื่อว่าในอนาคตประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างในเรื่องของนักการเมืองที่ดีไม่กล้าคอร์รัปชัน ไม่กล้าทำผิด