xs
xsm
sm
md
lg

ประมวลเหตุ “สัตว์นรก” ลอบกัดพันธมิตรฯ กว่าเดือน ตร.เกียร์ว่างตลอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหตุคนร้ายโยนระเบิดใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ 30 ต.ค.51
ประมวลเหตุการณ์ “ลิ่วล้อสัตว์นรก” สุดป่าเถื่อน ลอบทำร้าย-ก่อกวนการชุมนุมพันธมิตรฯ แบบรายวัน ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งวางระเบิด-ยิงปืนขู่ นับครั้งไม่ถ้วน ล่าสุดถึงขั้นมีผู้สังเวยชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบ ขณะที่ตำรวจไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว

ปรากฏการณ์ที่รัฐบาลนอมินี ปล่อยให้กลุ่มอันธพาลใช้ความรุนแรงป่าเถื่อนก่อกวน-ทำลายการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มมาตั้งแต่การจัดสัมมนาที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม และวันที่ 25 เมษายน 2551 มาจนถึงการชุมนุมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ก่อนที่จะเคลื่อนมายังสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยใช้กลุ่ม นปช.ขว้างปาก้อนอิฐ ถุงอุจจาระ ยิงหนังสติ๊กลูกแก้ว-นอตเข้าใส่ แม้กระทั่งใช้ไม้หน้าสามไล่ทุบตี โดยที่ตำรวจได้แต่มองตาปริบๆ

หลังจากนั้น ตลอดช่วงที่พันธมิตรฯ เปลี่ยนสถานที่ชุมนุมจากสะพานมัฆวานฯ ไปยังหน้าทำเนียบ กลับมาที่สะพานมัฆวานฯ อีกครั้ง และย้อนไปยึดพื้นที่ภายในทำเนียบ รัฐบาลนอมินีได้หันมาใช้มาตรการทางกฎหมายสลับกับความป่าเถื่อนรุนแรงเพื่อยับยั้งการชุมนุมของพันธมิตรฯ ให้ได้ โดยความป่าเถื่อนได้ทะลักขีดสุดในวันที่ 7 ตุลาคม เมื่อตำรวจระดมยิงระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าใส่พันธมิตรฯ ที่ขยายการชุมนุมไปที่หน้ารัฐสภา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 471 คน และทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลตกต่ำอย่างหนัก ซ้ำถูกสอบสวนเอาผิดโดย ป.ป.ช.และถูกประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงฟ้องร้องดำเนินคดีซ้ำ

หลังจากนั้น ฝ่ายรัฐบาลได้ใช้วิธีการนอกเกมเข้ามาก่อกวน-ทำลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในลักษณะลับ ลวง พราง โดยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนกระทำ ขณะที่บางครั้งก็ออกข่าวในทำนองว่าพันธมิตรฯ สร้างสถานการณ์เอง ซึ่งได้ผล 2 ด้าน ทั้งในแง่การข่มขู่พันธมิตรฯ และทำลายความน่าเชื่อถือของพันธมิตรฯ ไปในตัว ขณะที่ตำรวจไม่กระตือรือร้นที่จะติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแต่อย่างใด

ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ นับตั้งแต่พันธมิตรฯ ได้รื้อเวทีปราศรัย บริเวณสะพานมัฆวาน เมื่อวันที่ 22 ต.ค. เพื่อเปิดเส้นทางให้กับพิธีถวายสักการะสมเด็จพระปิยมหาราชในวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งคนร้ายได้ฉวยโอกาสจากการที่เวทีปราศรัยที่ถือเป็นแนวกั้นอย่างดี ถูกรื้ออกไป เข้ามาก่อกวนทันที ตั้งแต่ ช่วงบ่าย วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551 วันแรกของการเปิดเส้นทางจราจรบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ขณะที่การ์ดพันธมิตรฯ กำลังรื้อเต็นท์ ได้มีคนร้ายขว้างประทัดยักษ์ออกจากรถตู้สีขาวเข้าใส่ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสร้างความเสียหาย แต่ถือเป็นการข่มขู่ หลังจากมีการเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าประชิดตัวได้ง่ายขึ้น

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2551 เวลา 03.20 น.คนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน ทำให้การ์ดได้รับบาดเจ็บประมาณ 10 คน บาดเจ็บรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ 6 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน และจนถึงขณะนี้ยังคงอยู่ในห้องไอซียู 1 คน และในเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายได้ปีนแนวกั้นของตำรวจด้านหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แล้วยิงปืนเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ บริเวณใกล้สี่แยกมิสกวัน จนต้องมีการตอบโต้ และในตอนเช้าพบชายชุดดำนอนเสียชีวิตอยู่ข้างกำแพง บชน. โดยในวันเดียวกันนั้นคนร้ายได้ปาระบาดเข้าใส่บ้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการรัฐธรรมนูญด้วย

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2551 เวลาประมาณ 02.00 น.คนร้ายนั่งรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน 4444 โยนระเบิดควันใกล้สะพานมัฆวานฯ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจอ้างว่าเป็นแค่ประทัดเล็กๆไม่มีการปาระเบิด และเชื่อว่าเป็นการก่อกวน

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 เวลาประมาณ 02.00 น.กลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 คน ขับรถเก๋งเข้ามายังบริเวณสะพานมัฆวาน และชูนิ้วกลางให้การ์ดพันธมิตรฯ แล้วยิงปืนเข้าใส่ หลังจากนั้นพยายามขับรถหนีแต่ถูกสกัดจับไว้ได้

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 เวลาประมาณ 02.00 น.มีเสียงระเบิดบริเวณเชิงสะพานอรทัย ห่างจากแผงเหล็กกั้นบริเวณชุมนุมของพันธมิตรฯ เพียง 3 เมตร แรงระเบิดทำให้พื้นถนนเป็นหลุมลึก 2.5 เซนติเมตร ขวดน้ำแตกกระจาย มีรอยสะเก็ดระเบิดที่ต้นไม้และกระสอบทราย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นการยิงระเบิดจากด้านนอก เพราะบริเวณเกิดเหตุไม่มีผู้ใดเห็นผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
 
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่ถูกก่อกวน และลอบทำร้ายมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว (อ่านข่าว ตำรวจยังมึน เหตุคนร้ายปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ) ขณะที่นายทหารนอกแถวบางคนยังข่มขู่จะมีการยิงระเบิดเข้าใส่ที่ชุมนุมพันธมิตรฯ อยู่ทุกวัน

วันที่ 7 พ.ย. เวลาประมาณ 01.00 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้ง บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ด้านฝั่งหน้าตึกอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และบริเวณถนนเรียบคลองผดุงกรุงเกษม ด้านข้างรั้วกระทรวงศึกษาธิการในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะเกิดเหตุระเบิดมีกลุ่มควันสีขาวขนาดใหญ่และมีเสียงดังทั่วบริเวณเสียงคล้ายประทัดยักษ์ ภายหลังจากการ์ดอาสาพันธมิตรฯ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ ไม่พบเห็นความเสียหาย กลุ่มคนร้าย หรือสะเก็ดระเบิดแต่อย่างใด เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี และต้องการสร้างสถานการณ์ก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรเท่านั้น

ต่อมาเวลาประมาณ 04.00 น.มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด บริเวณถนนข้างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ติดกับโรงเรียนเบญจมบพิตร เมื่อการ์ดพันธมิตรฯ เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมไปถึงไม่พบร่องรอยวัตถุที่คนร้ายใช้ทำระเบิดแต่อย่างใด ขณะที่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเห็นชายต้องสงสัยวิ่งหนีขึ้นรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป

ต่อมามีเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด บริเวณถนนอีกด้านของคลองตรงข้ามกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิม โดยการ์ดพันธมิตรฯได้ตะโกนให้ทุกคนหมอบลง ขณะผู้สื่อข่าววิ่งหนีหลบเข้าไปภายใน ป.ป.ช.ทั้งนี้ เสียงที่ได้ยินคล้ายเสียงปืนและระเบิด ยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด

วันที่ 8 พ.ย. 51 เวลาประมาณ 04.40 น. คนร้ายปาระเบิดเข้าใส่เต็นท์นอนนักรบอิสระ 9 ในที่ชุมนุมของพันธมิตรฯบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี เยื้องเวทีปราศรัยประมาณ 250 เมตร แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมลึกประมาณ 10 ซม. กว้าง 20 ซม. มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือนายเมธี อู่ทอง มีบาดแผลบริเวณหน้าผากด้านซ้าย และบริเวณหน้าอก ถูกส่งตัวไปรักษาตัวต่อที่ รพ.วชิระพยาบาลและย้ายไปที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ การ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้เห็นเห็นเหตุการณ์บอกว่า เห็นกลุ่มควันก่อนมีเสียงระเบิดดังขึ้นที่เต็นท์ดังกล่าว แต่เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงค่อนข้างมืด ทำให้ไม่เห็นตัวคนร้ายว่าขว้างระเบิดมาจากจุดใด ขณะที่การสอบสวนของตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

วันที่ 11 พ.ย. เวลาประมาณ 03.25 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณเต็นท์พันธมิตรฯ ห่างจากเวทีปราศรัย เยื้องไปทางขวามือเพียง 50 เมตร จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าขว้างระเบิดเข้ามา แล้วตกบนหลังคาเต็นท์ของผู้ชุมนุมก่อนเกิดการระเบิด โดยภายหลังจาการระเบิด ส่งผลให้เต็นท์มีรู้กว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย เป็นที่น่าสังเกตว่าจุดระเบิด อยู่ในแนวเดียวกันกับเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 4 พ.ย. โดยขยับเข้าใกล้เวทีปราศรัยเพียง 50 เมตรเท่านั้น เหตุการณ์ครั้งนี้การ์ดพันธมิตรฯ จับผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน และมอบให้ตำรวจ สน.ดุสิตนำตัวไปสอบสวน

พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า ลักษณะของระเบิดน่าจะเป็นเครื่องยิงระเบิดวิถีโค้ง โดยมีระยะยิง 150 เมตร ซึ่งถูกยิงมาตกลงกลางหลังคาเต็นท์ โดยระเบิดลูกดังกล่าวตกลงมาตรงที่มีคนนอนยู่พอดี แต่โชคดีที่ตกมาบนหลังคาเต็นท์เสียก่อนทำให้มีผู้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์ จึงพอสรุปได้ว่าระเบิดลูกดังกล่าวสามารถทำอันตรายจนถึงชีวิตได้

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล อ้างว่าไม่ใช่ระเบิดเอ็ม 29 และไม่ใช่การยิงจากรอบนอกเข้ามา แต่เป็นการระเบิดขึ้นจากภายใน ส่วนจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 หรือไม่นั้นคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากอานุภาพทำลายล้างต้องมากกว่า นอกจากนั้นยังอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากพันธมิตรฯ ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน ส่วนกรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป และไม่สามารถตอบได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่

ล่าสุด วันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา 03.25 น. คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่เต็นท์ของผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลก่อนเกิดการระเบิดขึ้น ทำให้เต็นท์มีรู้กว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเวทีปราศรัยเพียงแค่ 15 เมตร ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บทันที จำนวน 23 ราย อาการสาหัส 2 ราย และเสียชีวิต 1 รายในเวลาต่อมา คือ นายเจนกิจ กลัดสาคร ชาวจังหวัดชลบุรี ในจำนวนผู้บาดเจ็บมีช่างภาพของ ASTV คือนายนพพร สุขราม รวมอยู่ด้วย

โดยสรุปเหตุการณ์ลอบทำร้ายพันธมิตรฯ ด้วยการขว้างและยิงระเบิด ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ อีกทั้งยังปล่อยให้มีการก่อเหตุอย่างสะดวก ก่อนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังในลักษณะกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เป็นผู้สร้างสถานการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองกลับไม่ได้มีการสอบสวนหรือดำเนินการติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีแต่อย่างใด

นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุแทบทุกครั้ง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มผู้รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในนาม นปช.ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะข่มขู่ว่าจะมีการยิงระเบิดร้ายแรงเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล จนกว่าพันธมิตรฯ จะออกจากทำเนียบ แต่ตำรวจกลับไม่ได้มีการนำตัว เสธ.แดงมาสอบสวนหาเบาะแสผู้กระทผิด หรือส่งสายสืบไปติดตามพฤติกรรมของ เสธ.แดง แต่อย่างใด
วัยรุ่นขับรถเข้ายั่วยุและยิงปืนเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ เมื่อ 2 พ.ย.51
คนร้ายปาระเบิดที่สะพานอรทัยใกล้บริเวณชุมนุมเมื่อ 4 พ.ย.51
คนร้ายปาระเบิดใส่เต็นท์นอนของพันธมิตรฯ เมื่อ 8 พ.ย.51
คนร้ายยิงระเบิดใส่เต็นท์พันธมิตรฯ อีกครั้ง วันที่ 11 พ.ย.51
คนร้ายยิงระเบิดใส่หน้าเวทีพันธมิตรฯ วันที่ 20 พ.ย.51 มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายสิบราย
กำลังโหลดความคิดเห็น