ถึงคิวอัยการ “เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช.เชือด นั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ส่อขัด รธน.

“เรืองไกร” ยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบอัยการ หลังพบข้อมูลนั่งบอร์ดในรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ หลายแห่ง ทั้ง การบินไทย การท่าฯ ข้องใจช่วงรอยต่อ รธน.ปี 50 ที่ประกาศใช้ 24 ส.ค.50 ไม่รู้ว่า กอ.มีการประชุมอนุมัติให้อัยการไปนั่งบอรด์รัฐวิสาหกิจหรือไม่ ชี้ ส่อขัด รธน.หากไม่ได้รับอนุมัติจาก กอ.อาจรวมถึงผิด กม.อาญา

วันนี้ (18 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการแก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน หลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากรัฐวิสาหกิจบางแห่ง เช่น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พบว่า มีพนักงานอัยการบางคนไปเป็นกรรมการ ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ที่บัญญัติว่า ห้ามพนักงานอัยการไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ หรือกิจการอื่นการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการ (กอ.) และอาจเข้าลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้พนักงานถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.พ.ศ.2542

“รัฐธรรมนูญ 50 ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 ฉะนั้น ช่วงรอยต่อไม่รู้ว่า คณะกรรมการอัยการมีการประชุมอนุมัติให้อัยการไปเป็นบอร์ดของรัฐวิสาหกิจหรือไม่ และจะมีผลต่อมติของบอร์ดรัฐวิสาหกิจในเรื่องต่างๆ จึงยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเพราะอาจเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้” นายเรืองไกร กล่าว

แหล่งข่าวจากอัยการ แจ้งว่า ในการไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจของอัยการนั้น มีระเบียบของอัยการกำหนดอยู่ตั้งแต่ก่อนรัฐธรรมนูญ 50 ว่า ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการก่อน และไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจได้เพียงคนละ 2-3 แห่ง ที่ผ่านมา อัยการที่ไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจก็ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการทั้งสิ้น ดังนั้น กรณีที่ นายเรืองไกร ยื่นตรวจสอบอัยการที่ไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ จึงไม่น่าจะเข้าข่ายกระทำขัดรัฐธรรมนูญ