“พิภพ” ชี้แนวทางการเมืองใหม่ ต้องหนุนการศึกษาให้เด็กไทย หล่อหลอมด้วย “ความงาม ความดี ความจริง” พร้อมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน ส่งเสริมให้เด็ก “ฝันและจิตนาการ” พัฒนาคนสู่การเมืองสะอาดในที่สุด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันที่ 14 พ.ย.เวลาประมาณ 22.00 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสนใจเรื่องการศึกษามาก เพราะทรงเป็นพระอาจารย์และช่วยเหลือมูลนิธิเด็กด้านการศึกษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งพระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องความสะอาด และควาเมป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างมาก
นายพิภพ กล่าวว่า ความสะอาด ไม่ได้หมายถึงเรื่องของขยะเท่านั้น แต่หมายถึงพฤติกรรมด้วย ซึ่งการเมืองใหม่ของเราต้องพูดต่อไปถึงการเมืองสะอาด การมีจริยธรรมของนักการเมือง เพราะถ้าทำตัวเป็นมนุษย์สะอาดแล้ว สังคงไทยจะสะอาดทุกอย่าง ซึ่งหากทำได้ ก็เหมือนเป็นการปฏิบัติบูชาในทางพุทธศาสนา ดังนั้น ในวันนี้ ในโอกาสงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เราก็จะปฏิบัติบูชาด้วยการทำตัวเป็นมนุษย์สะอาด
นายพิภพ กล่าวต่อว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สนพระทัยเรื่องการศึกษาอย่างมาก ซึ่งการที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศ ทำให้เราได้รับความรู้มากมาย ซึ่งการที่จะสนับสนุบการศึกษาในอนาคตให้สอดคล้องกับพราราชกรณียกิจของพระองค์ได้ คือ ส่งเสริมให้เด็กไปรับความรู้นอกห้องเรียน ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เช่น การไปพิพิธภัณฑ์
ทั้งนี้ การจะสร้างการเมืองใหม่ หรือการเมืองสะอาดได้ เด็กจะต้องถูกหล่อหลอมด้วย "ความงาม ความดี ความจริง" ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องสร้างให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน เราสามารถทำสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน
“ผมเคยพูดว่า สังคมกรุงเทพฯ หาวัดได้ยากกว่าโรงแรมหรือม่านรูด ซึ่งถ้าเราเปลี่ยนแปลงการศึกษาว่าไม่ได้อยู่ห้องเรียนเท่านั้น แต่ส่งเสริมการศึกษานอกห้องเรียน ในพิพิธภัณฑ์ให้เด็กด้วย ขณะเดียวกัน ก็เอาสถานอโคจรไปรวมกันให้หมด ก็จะถือว่าเป็นการจัดการดูแลเด็กได้ดีขึ้น แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ดังนั้น เราควรสนับสนุนให้การเมืองใหม่ เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น พิพิธภัณฑ์ความรู้ทั่วไป ซึ่งถ้ามีเด็กจะเรียนรู้ตลอดเวลา ดังเช่นในฝรั่งเศส ที่สถานที่สำคัญล้วนเป็นพิพิธภัณฑ์ทั้งนั้น” นายพิภพกล่าว
นอกจากนี้ นานพิภพกล่าวถึงนายบารัค โอบามา ว่าที่ปรธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ ว่า โอบามาเริ่มต้นการหาเสียงด้วยการออกมาพูดความฝันของตัวเอง 15 นาที ซึ่งความฝันของเขา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนอเมริกันอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น หลังจากเขาพูดจบ เขาจึงได้รับความสนใจจากคนอเมริกันกันทั้งประเทศ จนในที่สุดได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยใช้เวลา 5 ปีในการขายฝันตัวเอง
สำหรับในประเทศไทย การที่เราจะเริ่มต้นพัฒนาการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เด็กของเราฝัน จิตนาการเช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้น เราต้องส่งเสริมทำให้ความฝันเป็นจริงด้วยการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งการศึกษาคู่กับการจิตนาการ และฝัน จึงจะเกิดการเมืองใหม่ และการเมืองที่สะอาด ซึ่งเรื่องนี้ แต่พ่อแม่อย่าไปขัดใจว่าเป็นความเพ้อฝันเกินไป เพราะจะไปทำลายความฝันของเด็ก ซึ่งเรื่องนี้ อยากจะเล่าประวัติของเจ้าชายสิตทัตถะให้ฟังว่า พระราชบิดาของพระองค์ ทรงสร้างพระราชวัง 3 ฤดูให้ เพราะต้องการให้เจ้าชายสิตทัตถะเป็นจักรพรรดิ หลังจากมีการทำนายว่า ถ้าพระองค์ออกบวชจะได้เป็นศาสดา แต่ถ้าไม่บวชได้เป็นจักรพรรดิ แต่หลังจากพระองค์ทรงได้ออกไปเห็นการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วทรงกลับมาคิดว่า ทำอย่างไรให้แก้ทุกข์ได้ จึงคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไร สุดท้าย ท่านก็ตัดสินใจออกบวช จนค้บพบสัจธรรม แล้วมาเผยแผร่ จนได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด
นายพิภพ กล่าวว่า ความฝันของเด็กสะอาด เมื่อเราส่งเสริม เราก็จะได้มนุษย์ที่สะอาด ซึ่งเราต้องคอยดูแลสนับสนุนดูแลความฝันและจิตนาการของเด็กให้เป็นจริง แล้วเราจะได้คนที่งดงามมากขึ้นในสังคมไทยในอนาคต ถ้าเราเริ่มต้นกับลูก หลาน หรือเด็กๆ ทุกคน ของเราเสียวันนี้ เพราะเด็กทุกคนเกิดมามีความสะอาดเป็นเบื้องต้น แต่ความสกปรกทั้งหลาย เกิดจากสิ่งที่เราใส่ไปทั้งนั้น ดังนั้น จะทำให้เด็กสะอาด ต้องคิดให้มากกว่าเดิม