xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” แฉ “ชาย” ตบตาสั่งห้าม รมต.ลงชื่อแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.
หน.ปชป.ชำแหละนายกฯพลิ้วสั่งห้าม รมต.ลงชื่อแก้ รธน.หวังแหกตา ปชช. รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ท้าแน่จริงต้องพิสูจน์ห้ามสั่งพรรคร่วมสนับสนุน วอนให้เลิกทุรังเสนอ กม.ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

วันนี้ (7 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี สั่งไม่ให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. ห้ามลงชื่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 แต่ไม่ได้สั่ง ส.ส.ว่า ความจริงรัฐบาลเป็นคนจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ดังนั้น นายกฯไม่ควรทำอะไรให้ตรงไปตรงมา ซึ่งตนยังยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องด่วน เพราะสภาเหลือเวลาสมัยประชุมอยู่เพียง 1-2 สัปดาห์ ควรจะเอาเรื่องของงบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาท มาคุยดีกว่า เพราะหลายฝ่ายอยากเห็นความชัดเจนในการรองรับ ปัญหาเศรษฐกิจ หากเอางบกลางปีมาพิจารณาในสมัยประชุมนี้ ฝ่ายค้านก็จะสนับสนุน แต่ถ้าเอาเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ ส.ส.ร.เข้ามา ถือเป็นเรื่องที่ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น ซึ่งจะทำให้บรรยากาศทางการเมืองตึงเครียดขึ้น

“นายกฯใช้วิธีไม่ให้รัฐมนตรีเข้าไปร่วม แล้วบอกว่า ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล จะหลอกใครไม่ได้ ไม่อย่างนั้น หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะประชุมกันทำไม และการที่นายกฯสั่งห้ามอย่างนี้ ก็คงคิดว่า คนอื่นอาจจะมองว่าทำเพื่อตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับแกนนำพรรค หรือรมต. แต่ระบบนี้เป็นระบบรัฐสภา ฉะนั้น ใครๆ ก็ดูออกว่าเป็นอย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะเลี่ยงว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะรัฐบาลเข้าไปทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่”

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการล่ารายชื่อประชาชน 10,000 ชื่อ เพื่อเสนอกฎหมายยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ว่า การใช้สิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หากฝ่ายค้านไม่สนับสนุน ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะการมีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายไม่ได้หมายความ ว่า จะไม่มีประชาชนไม่คัดค้าน และเป็นเรื่องของ ส.ส.ที่จะต้องพิจารณา ซึ่งต้องดูว่ากฎหมายนั้นเหมาะสมหรือไม่ ถ้ากฎหมายดีก็สนับสนุน เหมือนกับเวลาเข้าชื่อถอดถอน ก็ไม่ได้แปลว่าคนนั้นผิด ก็ต้องไปสอบสวนว่า มีมูลหรือไม่ ผิดจริงหรือไม่ ส่วนที่ว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภา เป็นของรัฐบาลนั้น ก็ต้องถามว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ และถ้ารัฐบาลบอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลก็ ต้องพิสูจน์โดยการไม่ให้พรรครัฐบาลสนับสนุน

“เวลานี้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ รัฐบาลควรจะชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน เวลาที่เหลือของสภา เอาเรื่องสำคัญเข้ามาพิจารณาดีกว่า และใช้เวลาของสานเสวนาให้เป็นประโยชน์ในการเอาประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองมาพูดคุยกันก่อน แล้วดูว่าจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเพิ่มความขัดแย้ง และความเสี่ยงมากขึ้น”

เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯประกาศว่าหากรัฐบาลนำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา จะปิดล้อมสภาอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนวันที่ 7 ต.ค.อีก เพราะเหตุการณ์เดิมก็ยังสอบสวนอยู่ นายกฯซึ่งมีความรับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศและรัฐบาล ควรจะไปทบทวนว่า อยากจะเห็นปัญหาลุกลามบานปลาย ยืดเยื้อออกไปอีกหรือ เพราะมันมีทางออกที่พอมองเห็น ก็ควรที่จะพยายามเดินไปในทางนั้น โดยรัฐบาลต้องเริ่มต้น

ส่วนที่นักวิชาการระบุว่า การตัดสิทธิ์สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นการตัดสิทธิ์แบบเหมาเข่งที่ไม่เป็นธรรม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าจะพูดกันในเชิงหลักการ ก็ต้องมาพูดคุยกัน แต่จังหวะเวลาขณะนี้ต้องถามว่าเหมาะสมหรือไม่ แล้วไปถามดูว่า คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของเศรษฐกิจ อยากเห็นความขัดแย้งจากเรื่องนี้หรือไม่ เขาอยากเห็นว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องของตัวเอง และพวกพ้อง แต่คิดถึงการแก้ปัญหาให้กับคนส่วนใหญ่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยหลักแล้วหากจะทำเรื่องนิรโทษกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องนึกว่าส่วนรวมเป็นเรื่องใหญ่กว่า ประเด็นเหล่านี้ไม่ควรนำมาเป็นปมความขัดแย้งของสังคม หากจะให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น คู่กรณี คือ พันธมิตรฯ และรัฐบาล มาพูดคุยสะสางปมปัญหาวันนี้เสียก่อน แล้วค่อยมาดูว่าใครไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยังพูดคุยกันได้ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ แล้วผลักดันอย่างเดียว ตรงนี้ถือว่าไม่เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น