ม็อบสนามหลวงสุดเพี้ยน บุกเข้าสภา ประชิดตัว “มาร์ค” ยื่นหนังสือจี้ให้ยุบพรรค อ้างเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ มีพฤติกรรมคล้ายกบฏ ไม่เข้าร่วมประชุม 7 ตุลาฯเลือด แถมไม่ร่วมปาหี่ตั้ง ส.ส.ร.3 ถือว่าไม่ทำหน้าที่ตามระบอบรัฐสภา ด้านหัวหน้า ปชป.ยันรักษาประโยชน์ ปชช.แต่ไม่ร่วมประชุมบนกองเลือดแน่ ส่งผล “ไข่แม้ว” โกรธจัด ตะโกนด่าหยาบคาย
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (5 พ.ย.) นายสุขุม วงประสิทธิ เลขาธิการทั่วไปศูนย์กลางปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งชาติ โรงเรียนประชาธิปไตยสนามหลวง (ศ.ป.ช.) พร้อมด้วย นางนะนิตย์ นามนู วัย 70 ปี ที่เคยเข้าไปก่อกวนพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบ พร้อมพวกอีก 4 คน และถูกนำขึ้นประจานบนเวที ได้เข้ายื่นแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่องมติมหาชนให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยนายสุขุม กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามหลวงได้เข้าชื่อประมาณ 1,200 กว่าชื่อ เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้าร่วมทางพฤตินัยกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมี ส.ส.ของพรรคเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีพฤติกรรมคล้ายกับการก่อกบฏ ดังนั้น มหาชนที่มาร่วมชุมนุม ที่ท้องสนามหลวงจึงมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีการปฏิบัติที่เป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่สนใจว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายลงหรือไม่ เพียงมุ่งหวังแต่ความได้เปรียบทางการเมือง
นายสุขุม กล่าวว่า โดยเฉพาะการปฏิเสธไม่เข้าไปทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ โดยมีจุดมุ่งหวังให้การประชุมดำเนินต่อไปไม่ได้ หากรัฐบาลไม่สามารถแถลงนโยบายได้ภายในวันที่ 9 ต.ค.จะเกิดปัญหาเงื่อนเวลาตามรัฐธรรมนูญ และจะเข้าบริหารประเทศไม่ได้ เพื่อนำไปขยายผลทางการเมืองต่อไป รวมถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุม 4 ฝ่าย เพื่อหารือถึงการตั้ง ส.ส.ร.3 แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่ง นายสุขุม อ้างว่า เป็นการประชุมเพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองด้วยวิถีทางของรัฐสภา แต่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้นายกรัฐมนตรียุบสภาซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากนี้ ยังอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์มีพฤติกรรมที่ปฏิเสธอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด เช่น การเสนอให้ใช้มาตรา 7 ให้มีรัฐบาลพระราชทาน โดยไม่เคยขอมติจากมหาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ และที่สำคัญ เป็นพรรคที่รับเงินอุดหนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนทั่วประเทศ ดังนั้นเราต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ในระบบรัฐสภา เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบรัฐสภา เราจึงขอเสียงประชามติของประชาชนส่วนหนึ่งเพื่อเสนอให้นายอภิสิทธิ์พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อที่จะมาเริ่มการเมืองกันใหม่
ด้าน นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงว่า พวกตนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน กินเงินเดือนของประชาชน สิ่งสำคัญที่สุด คือ การรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ตนไม่คิดว่า ในวันที่ 7 ต.ค.สภาควรจะประชุมบนกองเลือดของประชาชน ทำให้ นางนะนิตย์ ไม่พอใจ ได้ตะโกนว่า “นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยโจร มีส่วนร่วมลับหลังกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บอกว่าทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนไม่เป็นความจริง เพราะประชาชนที่ถูกพันธมิตรฯ ทำร้ายไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการปกป้องโจรที่ปล้นอำนาจอธิปไตย ไม่ใช่ปกป้องประชาชน” พร้อมทั้งยังได้ตะโกนไล่หลัง ว่า “อภิสิทธิ์ ปกป้องโจร” แต่นายอภิสิทธิ์ไม่สนใจและเดินเข้าภายในอาคารรัฐสภาทันที
ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวได้เคยไปชุมนุมและโจมตีที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว แต่ไม่มีใครให้ความสนใจออกมารับหนังสือ ดังนั้น กลุ่มผู้ยื่นหนังสือได้ฉวยโอกาสหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบริเวณชั้น 1 อาคารรัฐสภา จึงได้เข้าประชิดตัวเพื่อยื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ โดยทางกลุ่มอ้างว่าได้รับการติดต่อประสานจาก “ส.ส.ไพโรจน์”ให้เข้ามายื่นหนังสือที่รัฐสภา
อนึ่ง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา นางนะนิตย์ พร้อมพวกอีก 4 คน ถูกการ์ดพันธมิตรฯ ควบคุมตัวได้ที่บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาลขณะนั่งรถปิกอัพเข้าไปในบริเวณดังกล่าว โดยอ้างว่าหลงทาง แต่ภายในรถพบแกลลอนบรรจุน้ำมันเบนซีนและขวาน คาดว่า จะเข้าไปก่อความวุ่นวายภายในทำเนียบรัฐบาล จึงนำตัวไปประจานบนเวทีและทำการสอบสวนก่อนส่งให้ พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผู้กำกับ สน.นางเลิ้ง พร้อมด้วย สิบตรี อภิสิทธิ์ จิตณรงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง มารับตัวเพื่อไปบันทึกประจำวันที่ สน.นางเลิ้ง ต่อไป แต่เมื่อไปถึง สน.นางเลิ้ง นางนะนิตย์ พร้อมพวกกลับแจ้งความต่อกับ พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ว่า ถูกการ์ดพันธมิตรฯทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง พ.ต.อ.วิบูลยุทธ ได้รับแจ้งความไว้แล้ว