“สมเกียรติ” เหน็บไอซีทีจัดการเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงล่าช้า คาดเหลืออีก 1,200 เว็บต้องใช้เวลา 20 ปี เผยสภาให้ความสำคัญเสนอมาตรการปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่หน่วยงานที่ดูแลส่อแววไม่ได้เรื่อง เตรียมปรึกษาทนายเล่นงาน “สุชาติ นาคบางไทร” เพิ่มฐานโพสต์ข้อความหมิ่นฯ ทางเว็บ “ประชาไท” พร้อมเผยวันนี้ครู 1 พันคนร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 23.50 น.วันที่ 20 ต.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ (21 ต.ค.) ที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาเป็นวันสำคัญที่สุดอีกวันหนึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศต้องเตรียมตัว ถ้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งเป็นศาลเดี่ยว ตัดสินคดีเสร็จก็สามารถทำเรื่องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาเข้าคุกที่เมืองไทยได้ทันที แต่ก็อาจเป็นเหตุให้นักโทษเสนอเรื่องขอลี้ภัยได้ ถ้าลี้ภัยในประเทศที่ 1 ไมได้ ก็จะไปประเทศอื่นๆ ต่อไป
“ขอให้พวกเราเตรียมน้ำดื่มสะอาดไว้เฉลิมฉลอง เราไม่ได้คาดหวังอะไรกับทักษิณมาก แค่ยึดทรัพย์ จำคุก หรือประหารชีวิตเท่านั้นเอง” นายสมเกียรติกล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า วันก่อนตนได้พูดถึงขบวนการของระบอบทักษิณที่จะทำลายสถาบันหลักของชาติไว้แล้ว 3 ตอน โดยตอนที่ 1 คือ การเผยแพร่เอกสารทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ ตอนที่ 2 การสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และตอนที่ 3 คือความพยายามจะตั้งสาธารณรัฐสยามใหม่ วันนี้จะพูดถึงตอนที่ 4 ว่าด้วยความตระหนักของรัฐสภาไทยต่อปัญหาดังกล่าว
นายสมเกียรติ ได้นำเอกสารงบประมาณประจำปี 2552 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณเพิ่งอนุมัติงบฯ จำนวนประมาณ 1,800,000 ล้านบาทมาอ่าน โดยบอกว่า มีการอนุมัติงบฯ ให้แต่ละกระทรวงจำนวนมาก โดยเฉพาะกระทรวงไอซีทีที่ปิดเว็บไซต์จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงโดยไม่ทันการณ์ จากที่มีเกือบ 2 พันเว็บไซต์ ปิดไปแล้ว 400 เว็บไซต์ ซึ่งถ้า 7 ปีที่ตั้งกระทรวงมา ปิดได้แค่นี้ ที่เหลืออีก 1,200 เว็บไซต์ ต้องใช้เวลาอีก 20 ปี
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ตั้งรัฐสภาไทยมา 76 ปี ไม่เคยมีครั้งใดที่รัฐสภาตระหนักเท่าครั้งนี้ คือการเสนอให้มีการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการตั้งข้อสังเกตให้รัฐบาลไปจัดการเว็บไซต์ครั้งแรก โดยเสนอว่าการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลต้องมีมาตรการและแนวทางการป้องปรามและดำเนินการตามกฎหกมายอย่างจริงจัง เฉียบขาด รวดเร็วกับการกระทำอันไม่สมควร โดยมอบหมายให้มีหน่ายงานหลัก เช่น กองทัพ หรือหน่วยงานอื่นที่รัฐบาลเห็นเหมาะสม ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปจัดการ เช่น สำนักนายกฯ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ ให้หน่วยงานเหล่านี้ แก้ไขปัญหาและสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าเว็บไซต์เหล่านี้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างไร โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีที่มาทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากกฎหมายที่มีอยู่ไม่เอื้ออำนวย ก็ควรแก้กฎหมายนั้นโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ กล่าวว่า หน่วยงานเหล่านี้ แต่มีแต่หน่วยงานเส็งเคร็งให้ไปปราบปรามปิดเว็บไซต์ที่จาบจ้วงจะทำได้หรือไม่ เพราะทหารก็คิดแต่เรื่องตีกอล์ฟกับการซื้ออาวุธ ตำรวจก็มีแต่เรื่องจะใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม กระทรวงการต่างประเทศก็มีแต่จะยกอธิปไตยให้เขมร กระทรวงไอซีทีก็ตั้งขึ้นมาเพื่อแปลงสัมปทานโทรคมนาคมให้เป็นภาษีสรรพสามิตจนรัฐต้องเสียหาย 66,000 ล้าน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า กรณีที่ตำรวจได้ออกหมายจับนายนายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือ สุชาติ นาคบางไทร ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกรณีที่ปราศรัยที่สนามหลวงนั้น ขณะนี้ตนกำลังปรึกษาทนายความกรณีที่นายสุชาติ โพสต์ข่อความในเว็บไซต์ประชาไท ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากกว่า 5 ครั้งแล้ว แม้ว่าเว็บประชาไทที่ชอบให้นักวิชาการจากเชียงใหม่มาเขียนด่าพันธมิตรฯ จะถอดข้อความออก แต่ได้พิมพ์ไว้เรียบร้อยแล้ว จะจัดการไม่กี่วันข้างหน้านี้ พรุ่งนี้จะประชุมคณะทนายความ เพื่อเล่นงาน หลังจากตำรวจจับนายสุชาติได้แล้ว
นายสมเกียรติ ย้ำว่า ในการอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาวันนี้ พันธมิตรฯ จะไม่เคลื่อนขบวนไปที่ศาล เพราะหากไปจะเป็นการกดดันศาลที่ทำหน้าที่ในพระปรมาภิไทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นถ้ามีใครไปที่ศาลไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นพวก นปก.มากกว่า อย่างไรก็ตาม นปก.เชียงรายที่เป็น ส.ส.คนหนึ่งเคยแถลงข่าวว่าวันที่ 12 ตุลาคม จะนำมวลชนเชียงรายและภาคเหนือ จะมาล้อมเอเอสทีวี แต่จนถึงวันที่ 20 ตุลา ก็แถลงใหม่บอกว่า นปก.ติดเกี่ยวข้าว แสดงว่าคนพวกนี้ไม่แน่จริง
นายสมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ จะมีครูจากจังหวัดนครราชมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ อีก 700-1,000 คน สำหรับขบวนการครูนั้นมีอยู่หลายกลุ่ม กลุ่มแรก คือ สหภาพครูแห่งชาติ ซึ่งบางคนเป็นที่ปรึกษาคาราวานจนที่เคยมาชุมนุมต่อต้านพันธมิตรฯ ที่สวนจตุจักร หรือเป็นที่ปรึกษาให้ระบอบทักษิณ ซึ่งมี 3 คน คนกลุ่มนี้เคยหาเงินให้ทหาร ในนามพรรคสามัคคีธรรมช่วงเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 อีกลุ่มคือสมาพันธ์ครูแห่งประเทศไทย มีฐานอยู่ภาคอีสาน ไม่ขอยุ่งกับฝ่ายใดขอเป็นกลาง และมีครูกลุ่มหนึ่งจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ คือครูกู้ชาติที่มีฐานที่นครราชสีมาและภาคใต้