“สุริยะใส” เตือน 3 วันอันตราย วัดใจนายกฯ-ผบ.ทบ. ใครจะปลดใคร เชื่อ “สมชาย” รับใบสั่งพี่เมีย สร้างเงื่อนไขยึดอำนาจ ชี้ทหารต้องกดดันต่อ ระบุขยะแขยงพรรคร่วมฯ ต่อรองผลประโยชน์จนนาทีสุดท้าย ย้ำรัฐบาลประชาภิวัฒน์คือคำตอบ
เมื่อเวลา 19.15 น.วันที่ 17 ต.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กับพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภา หรือลาออกว่า ท่าทีดังกล่าวไม่เหนือความคาดหมาย ว่ารัฐบาลจะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง และมาตามระบอบประชาธิปไตย ทหารไม่มีสิทธิ์ที่จะบีบรัฐบาลให้ออกจากตำแหน่งซึ่งเป็นคาถาเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ในก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย.2549 ซึ่งผลจากท่าทีของรัฐบาล
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ขอตั้งข้อสังเกต 3 ประการ คือ 1.สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์ 3 วันอันตราย โดยจะเป็นการลองเชิงระหว่างผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กับนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ มีสิทธิ์ที่จะปลด ผบ.ทบ.ได้และ ผบ.ทบ.ก็มีสิทธิ์ที่จะปลดนายกฯ ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกนาที โดยเฉพาะโค้งสุดท้ายที่ศาลฎีกาจะมีการพิพากษาคดีที่ดินรัชดา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
2.ท่าทีของรัฐบาลทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตัน เพราะต้องยอมรับว่ากลไกปกติและทั้งฝ่ายบริหาร และ นิติบัญญัติ ไม่มีความชอบธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเสนอการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือแม้แต่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค. โดยจะมีคำถามตามมาว่ารัฐบาลซื้อเวลา และจะมีความยุติธรรมน่าเชื่อถือหรือไม่ ทั้งนี้หากรัฐบาลยังดันทุรังก็จะเป็นการทำลายระบบรัฐสภาไม่ใช่รักษาระบบรัฐสภาอย่างที่นายสมชาย กล่าวอ้าง
ข้อสังเกตที่ 3 ท่าทีของนายกฯ ที่ประกาศอยู่ในตำแหน่งต่อไป เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้กำหนด เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยหากเกิดการรัฐประหารภายใน 2-3 วันนี้ การรัฐประหารจะสร้างความชอบธรรมให้กับการขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณทันที ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ.ก็มาไกลเกินกว่าที่จะนิ่งเฉยได้ กองทัพต้องคิดแผนขั้นที่ 2 เพื่อหาวิธีกดดันให้เข้มข้นมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดยืนของพันธมิตรฯ ยังยืนยันว่ายังจะขับไล่รัฐบาลเหมือนเดิม จนกว่ารัฐบาลจะออกไปและพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้สับสนหรือคาดหวังกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่พันธมิตรฯ ยืนยันมาตลอดคือ รัฐบาลชุดนี้ต้องลาออกเพื่อเปิดทางตั้งรัฐบาลประชาภิวัฒน์ ซึ่งจะมีรูปแบบรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกาล หรือรัฐบาลพิเศษก็ตาม แต่รัฐบาลประชาภิวัฒน์เท่านั้นที่จะเป็นคำตอบต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าและระยะยาว
“รู้สึกขยะแขยงท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังใช้โอกาสนี้ต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังกอดคอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเสียหายหรือไม่ ถือเป็นความน่าเวทนาของการเมืองแบบเก่า ที่ไม่มีมโนธรรมจิตสำนึก เพราะแม้ในยามวิกฤตก็ไม่มีใครเสียสละ โดยพันธมิตรฯ จะไล่รัฐบาลในทุกๆ ที่และไม่มีการสังฆกรรมกับรัฐบาลเด็ดขาด ไม่ใช่คำสั่งของแกนนำ แต่ประชาชนจะแสดงออกเองโดยจะมาในรูปขบวนการมือตบ โดยจะตามไปทุกๆ ที่ที่คนในรัฐบาลไป” นายสุริยะใส กล่าว