แกนนำพันธมิตรฯ ตอกย้ำ “ทักษิณ” วางแผนใช้เขมรรุกรานไทย กลบเกลื่อน “รัฐบาลเขยแม้ว” ที่เพลี่ยงพล้ำทางการเมือง แนะกองทัพยึดหลักอธิปไตยเหนือผลประโยชน์ทับซ้อนบุคคลบางกลุ่ม
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่ห้องสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แถลงข่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสลายการชุมนุมจนทำให้เกิดมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า โดยแพทย์ของโรงพยาบาลพระมงกุฏระบุว่า พบสารเคมีในบาดแผลผู้บาดเจ็บ แผลเกิดอาการเน่าจนต้องคว้านเนื้อทิ้งทำให้พิการเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ทางคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังตรวจหาว่าสารเคมีดังกล่าวคือสารชนิดใด พันธมิตรฯ ถือว่าเป็นการกระทำที่ร้ายแรงมาก การที่รัฐบาลและตำรวจบอกว่า ไม่ทราบถึงอานุภาพของอาวุธชนิดนี้ มันสะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพ อาจจะเลยไปถึงมีการคอรัปชั่นในการซื้ออาวุธ ดังนั้น การที่จะมาแก้ตัวว่าไม่ทราบว่าประสิทธิภาพของอาวุธ เป็นการแก้ตัวที่ใช้ไม่ได้ อยากฝากเรื่องนี้ให้คณะกรรมการที่ตรวจสอบเรื่องนี้ดูประเด็นนี้ด้วย และพันธมิตรฯต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบว่าเป็นสารเคมีชนิดไหนและออกมาเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ด้วย
นายพิภพ ยังกล่าวอีกว่า ในวันที่ศุกร์ ที่ 17 ต.ค. เวลา 10.00 น. ทางแกนนำและกลุ่มพันธมิตรฯได้นัดรวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เพื่อรณรงค์ให้สังคมได้ทราบความจริงของเหตุการณ์ 7 ต.ค. ทั้งนี้ การรณรงค์ไม่ได้ต้องการทำลายสถาบันตำรวจ แต่ต้องการแยกตำรวจที่ดี และตำรวจที่เลวที่มีจิตใจโหดเหี้ยมออกจากกัน โดยจะมีการแจกหนังสือ “ตำรวจฆ่าประชาชน” พร้อมกับซีดี การเคลื่อนขบวนจะเดินเท้าจากสวนสุมพินี ไปตามถนนสีลม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการรณรงค์ภายในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนการดาวกระจายไปที่ สตช. ขณะนี้ยังไม่ได้ยกเลิก แต่ต้องหารือกับแกนนำอีกครั้ง เพื่อรอดูสถานการณ์
เมื่อถามว่า ในวันออกรณรงค์แกนนำทั้ง 5 คนจะไปด้วยหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า แกนนำจะไปไม่หมด มีบางส่วนจะต้องรักษาพื้นที่มั่นในทำเนียบรัฐบาล ถามต่อว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุปะทะกับกลุ่ม นปช. นายพิภพ กล่าวว่า พันธมิตรฯ พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะมากที่สุด เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลหนุนกลุ่ม นปช.อยู่ รัฐบาลจึงต้องออกมาควบคุมไม่ให้เกิดการปะทะขึ้น
ส่วนกรณีเหตุการณ์ที่ทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนตรงหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร นายพิภพ แสดงความเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทหารกัมพูชาจะเข้ามาท้าทายกองทัพไทย จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน
“เป็นไปได้ว่าคุณทักษิณ จะขอความร่วมมือกับกัมพูชา เพื่อสร้างสถานการณ์เพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทย ตามที่นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า คุณทักษิณ เป็นคนเดียวที่จะปลดล็อกสถานการณ์การเมือง ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลและการวิเคราะห์ของกลุ่มพันธมิตรฯ มาตลอด” นายพิภพ กล่าว และว่าท่าทีของรัฐบาลไทยในขณะนี้ไม่อยู่ในฐานะที่เข้มแข็ง จนมีการโอนอ่อนในทางผลประโยชน์กับกัมพูชา มากกว่าการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลนายสมชายจะใช้กำลังทหารตอบโต้กัมพูชา ดังนั้น ทหารจะต้องจัดการกับเรื่องนี้เอง โดยแยกเรื่องนโยบายและผลประโยชน์ออกจากรัฐบาล มุ่งรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างจริงจัง และไม่คำนึงถึงรัฐบาลหรือกลุ่มทุนมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา
นอกจากนี้ นายพิภพยังสนับสนุนให้กองทัพไทยใช้ความเข้มแข็งในการต่อสู้ เมื่อถามว่า หากกัมพูชานำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องศาลโลก พันธมิตรฯเห็นควรว่าไทยจะตัดความสัมพันธไมตรีกับกัมพูชาหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ถ้าเห็นว่าสมควรจะตัดความสัมพันธ์ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อเป็นการประท้วง
เมื่อถามว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.การต่างประเทศ ระบุว่าจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ไม่ได้เป็นไปเพื่อกลบข่าวความขัดแย้งทางการเมือง นายพิภพตอบทันทีว่า นั่นเป็นการแก้ตัวของรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พันธมิตรฯ ก็เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์