“รัฐบาลเขยแม้ว” แสดงธาตุแท้ อ้างตำรวจจับ “จำลอง” เป็นไปตามกระบวนการ อมพระมาพูดไม่เกี่ยวใบสั่งจากรัฐบาล โบ้ยมีหมายศาลก่อนนั่งนายกฯ น้ำท่วมปากโยน“จิ๋ว” เจรจาต่อ ไม่หวั่นปลุกชนวนเผชิญหน้ารอบใหม่
วันนี้ (5 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ด้านหน้าบ้านพักในหมู่บ้านเอเวอร์ลี่ฮิลส์ ถนนแจ้งวัฒนะ หลังจากกลับมาจากการทำธุระส่วนตัวตลอดทั้งวัน ถึงกรณีที่ตำรวจควบคุมตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี หรือคนในรัฐบาล ว่า ก็คือ คงจะเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าอันนี้มีหมายศาลมาตั้งนาน มีมาตั้งแต่คือหลายเดือนมาแล้วแหละ ก่อนตนเป็นนายกฯอีก ต้องคิดว่าเป็นส่วนของกระบวนการยุติธรรม ก็ทางตำรวจก็ไปตั้งข้อหา ศาลอนุมัติหมายจับก็ว่ากันไปนั่นคือกระบวนการ
“ซึ่งผมคิดว่าใครไปแทรกแซงไปสั่งไม่ได้หรอก แม้แต่ตำรวจเวลาจับแล้วก็มาสอบสวน เราก็สั่งว่าให้เป็นอย่างนั้น สั่งไม่ได้ครับกฎหมายเขาเขียนไว้แน่นอน ถ้าขืนไปทำตามคำสั่งอะไรของใครอะไรเนี่ย ถือว่าการสอบสวนไม่ชอบ” นายสมชาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางเจรจาของรัฐบาลกับพันธมิตรฯจะดีขึ้นหรือไม่ หลังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายสมชาย กล่าวว่า ดีไม่ดีก็อยู่ที่คนไปเจรจา ผลการเจรจา ซึ่งมันต้องแยกจากกัน อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ว่ามันเป็นการที่เจ้าหน้าที่เขาปฏิบัติตามกฎหมาย ก็จะเห็นว่า ท่านออกไปแล้ว ถ้าเจ้าหน้าที่เขาถือหมายไปพบตัวเขาก็ต้องดำเนินการ เพราะว่าถ้าตำรวจไม่ดำเนินการก็ถือว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เหมือนกันอันนี้กฎหมายเขากำกับอยู่ เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะเจรจากันได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ได้ ถ้าเจรจาทำไมจะไม่ได้ มันเรื่องธรรมดา
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังยังไงกับการที่ พล.ต.จำลอง ออกมาให้จับกุม นายสมชาย กล่าวว่า ก็ต้องไปถามท่าน (พล.ต.จำลอง) เมื่อถามว่า ในส่วนของคนเจรจาเองอย่าง พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหารคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายในการเจรจากับพันธมิตรฯก็งง เพราะกำลังคุยอยู่แล้วจู่ๆ ก็ไปจับแกนนำ ท่านเลยประกาศยุติการเจรจาไปแล้ว นายสมชาย กล่าวว่า ก็ที่ตนบอกเมื่อสักครู่ว่าหลักการมันอยู่ที่ว่า มันมีหมายจับอยู่ แล้วฟังตามข่าวท่าน (พล.ต.จำลอง) ก็เป็นสุภาพบุรุษนี่ครับ ท่านไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ว่าท่านก็เคารพหมายจับของศาลที่ออกให้
เมื่อถามย้ำว่า คนก็ยังมองว่า พล.ต.จำลอง มีอะไรหรือไม่ที่ยอมออกมาให้จับตัว นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ว่าเหตุการณ์ก็เป็นไปตามเนื้อผ้าที่เห็นๆ อยู่
“ก็ง่ายๆ คือ ผมก็บอกว่าผมขึ้นมาเป็นผู้บริหารตรงนี้ก็เคารพกฎหมาย เคารพกระบวนการยุติธรรม มันก็เป็นไปตามนั้นน่ะ มันไม่มีอะไรตื้นลึกหนาบางอะไร สำหรับความรู้สึกของผมนะครับ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ต่อจากนี้พันธมิตรฯจะลุกฮือขึ้นมาอีกหลังจากจับแกนนำไปแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ คือ มันเป็นเหตุเป็นผล มันไม่ใช่ว่าไม่มีใครแกล้งใครได้เรื่องอย่างนี้ เมื่อถามว่าในหลักการของรัฐบาลเองจะคงใช้การเจรจาใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะมันต้องแยกคนละเรื่อง อันนั้นมันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่ศาลท่านออกหมายมา เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามนั้น ต้องแยก
“เรื่องจับไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เป็นการที่ปฏิบัติตามกฎหมายและตามหมายของศาล รัฐบาลเกี่ยวไม่ได้เลย” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่า แนวทางสมานฉันท์ของรัฐบาลจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับ 9 แกนนำหรือไม่ในอนาคตต่อไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันคงไปถึงขั้นนั้นไม่ได้ ความว่าสมานฉันท์เนี่ยเราทำเป็นภาพรวมทั้งประเทศ ต้องการให้คนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่คนที่เฉพาะมาชุมนุมให้อยู่ในความรู้สึกว่าเราต้องปรองดองสมานฉันท์กัน เพื่อให้บ้านเมืองได้พัฒนาเดินทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองทั่วกัน พี่น้องประชาชน ชาวไร่ชาวนา ชาวอะไรต่ออะไรรักสามัคคีกัน ทำมาหากันให้มันสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ว่าการสมานฉันท์มาทำเฉพาะของ 2-3 คน ไอ้นี่คือเป็นภาพรวม รัฐบาลมองอย่างนั้น
“ก็ใครที่คิดว่า ถ้าหากว่าช่วยเหลือให้บ้านเมืองมันสงบสุขได้นะครับ และอยู่กันได้อย่างสงบสบายมันก็เป็นผลดีในส่วนรวม” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ต้องมีการปรับการเจรจาและจะกระทบกับการเจรจาหรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า อันนี้ต้องไปถาม พล.อ.ชวลิต เพราะท่านเป็นผู้ดำเนินการเอง
เมื่อถามว่า หลังจากตำรวจจับ พล.ต.จำลอง แล้ว ได้คุยกับ พล.อ.ชวลิต หรือยัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อถึงคำถามนี้ นายสมชาย เริ่มหันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะเลี่ยงการสัมภาษณ์พร้อมกับกล่าวเพียงว่า ก็คุยในหลักการไปแล้ว แล้วก็ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านมีวิธีการของท่าน คือ คุยกันปกติ แต่เราไม่คุยเรื่องการจับเจิบ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการ และจากนั้น นายสมชาย ก็เดินกลับเข้าบ้านทันที