“สมศักดิ์”ฟันธง ใบสั่งจากลอนดอนให้จับ “ไชยวัฒน์” แฉ“สมชาย”บอกจะเจรจาพันธมิตรฯ แค่หลอกให้ตายใจ ก่อนฉวยโอกาสสลายชุมนุม ชี้“น้องเขยแม้ว”จอมกะล่อน อ้างแก้ไข รธน.เป็นเรื่องของสภา แต่ไม่บอกสภาก็โดนรัฐบาลคุม ซ้ำสรรเสริญเยินยอ “พี่เมีย”เป็นคนดี ขัดแย้งกับคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ระบุการเมืองวุ่นเพราะเกมการเมืองหวังช่วย “แม้ว”พ้นผิด งงคนไทยมองไม่ออก ปลุกพี่น้องระดมกำลังเข้าทำเนียบช่วง 20 วัน อย่างต่ำวันละ 5 หมื่น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สมศักดิ์ โกศัยสุข ปราศรัย
เมื่อเวลา 22.25 น. วันที่ 3 ต.ค. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การต่อสู้คือการเคลื่อนไหว และต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่นี้ไป ถ้าพี่น้องให้คุณค่ากับการต่อสู้ในอดีตจนมาถึงวันนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่พี่น้องต้องออกมาโดยด่วนที่สุด มันเป็นเวลาสำคัญ สัญญาณมันเกิดขึ้นแล้ว ก่อนจะถึงวันที่มีคำพิพากษา มันมีคำสั่งจากลอนดอนให้ปราบปรามพวกเราในระยะเวลาที่เหลืออยู่ พูดแบบนี้เพื่อให้พี่น้องตระหนักในการทำหน้าที่ เราสู้มา 100 กว่าวัน เหลืออีกไม่กี่วันก็จะชนะ ถ้าต้องการชัยชนะ ต้องรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ต่อต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะเจรจานั้นก็เพื่อให้ตายใจให้พวกเรามากันน้อย และถือโอกาสส่งคนแทรกเข้ามาในกลุ่มพวกเรา จนเราจับได้ หลายคนและส่งออกไปแล้ว การจับกุมนายไชยวัฒน์นั้นแน่นอนว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากลอนดอนมายังนายกฯ ไม่เช่นนั้นตำรวจไม่ทำ ในระหว่างที่ยังอุทธรณ์หมายจับ ซึ่งโดยหลักวิธีปฏิบัติควรจะรอว่าศาลจะสั่งว่าอย่างไร ถ้าในทางการเมืองที่บอกว่าจะมีการเจรจาแล้วจะไม่ปรากฏเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเด็ดขาด
“การให้กำลังใจอย่างเดียวคงไม่พอ อาจต้องปฏิบัติการด้วยการไปเยี่ยมคุณไชยวัฒน์ด้วย แต่ผมก็พูดไม่เต็มปาก เพราะตัวเองก็ถูกหมายจับด้วย ออกไปไหนก็ไม่ได้ แต่เป็นห่วงประเทศซาติมากกว่าชีวิตตัวเอง ขอให้พวกเราตระหนักว่าเราอย่าประมาท เพราะหลังจากไปทำบุญอะไรมาช่วงนี้ เราเบาบางลงพอสมควร ถ้าเราเบาบางเมื่อไหร่เราจะเจ็บตัว หลักง่ายๆ อ่อนคือแพ้ แข็งคือชนะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะไปเยี่ยมคุณไชยวัฒน์ ที่ทำเนียบจะต้องมีคนอยู่เป็นหมื่น ส่วนที่ไป ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี จะรู้ว่าเราไม่ทอดทิ้งกันในทุกสถานการณ์”
“จากสัญญาณที่เกิดขึ้น อยากให้พี่น้อง ถ้าสับเปลี่ยนกันได้ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 ขอให้ตรึงกำลังเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-14 มีข่าวว่าเขาจะสร้างสถานการณ์หลายสิ่งหลายอย่างขึ้นมา เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา เขาก็เอายางรถยนต์ไปเผาที่บ้านพระอาทิตย์ เพราะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ แต่เราต้องไม่ไว้วางใจ งู อสรพิษร้าย ซึ่งมันไม่เคยปรารถนาดี เราต้องตระหนักในเรื่องนี้”นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย จะให้มีการปฏิรูปการเมืองตามข้อสรุปของที่ประชุม 4 ฝ่ายว่า เป็นการตัด ประชาชนออกไปเลย เพราะ 4 ฝ่ายนั้น มีรัฐบาล ฝ่ายค้าน ส.ส. และ ส.ว. โดยอ้างว่า 4 ฝ่าย คือตัวแทนประชาชน แต่รวมกันแล้ว มี 630 คน ครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ก็คือ 315 แต่ขณะนี้รัฐบาลมีแล้ว 316 เสียง เกินกว่าครึ่งหนึ่งของ ส.ส. - ส.ว.รวมกัน ถ้าบวกกับ ส.ว.ในพื้นที่ที่เขาควบคุมได้อีกสัก 50 เสียงเขาก็คุมสภาได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะฉะนั้น 4 ฝ่ายที่ว่านั้น ก็คือรัฐบาลฝ่ายเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้วที่อ้างว่าจะปฏิรูปการเมือง ตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมานั้น เสียงข้างมากอยู่กับรัฐบาลอยู่ดี
“ที่นายสมชายบอกว่าเป็นเรื่องของสภา มันก็คือรัฐบาลนั่นเอง เพราะรัฐบาลคุมเสียงข้างมากในสภา แต่นายสมชายก็กะล่อนบอกว่าเป็นเรื่องของสภา แล้วตั้งขึ้นมาแล้วจะแก้อะไร เอารัฐธรรมนูญฉบับที่หมอเหวงไปยื่น พร้อมรายชื่อประชาชนที่ ส.ส.พรรคพลังประชนในอีสานหามาให้ เพราะหมอเหวงไม่มีมวลชน ก็เอาไปยื่น ร่าง
ฉบับนั้นจะเอาเอารัฐธรรมนูญปี 40 เป็นตัวตั้ง ก็เท่ากับล้มรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วเอาฉบับ 40 มาทั้งดุ้น แล้วเพิ่มเติมแก้ไขเรื่ององคมนตรีเข้าไป จึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเอาร่างนี้เข้าไปยกมือกันในสภา ก็เท่ากับเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550 รัฐบาลจึงเป็นกบฏ ไม่ใช่พวกเรา แล้วรัฐบาลนี้ ก็เป็นกบฏมาก่อน คือทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีเขาพระวิหาร ถือว่าไม่บริหารตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เท่ากับทำผิด ม.68 คือต้องการอยู่ในอำนาจรัฐโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จึงเป็นกบฏแผ่นดิน แต่รัฐบาลกลับมาจับเรา ทั้งที่เราเป็นฝ่ายพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพราะเราต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ตรวจสอบ ส.ส.ที่เข้าชื่อกันล้มล้วงรัฐธรรมนูญ
“ที่เรายังไม่มอบตัว ไม่ใช่เราไม่สู้ แต่การไม่มอบตัวเป็นการต่อสู้อย่างหนึ่ง เมื่อเรารู้ว่าเราไม่ผิด จะไปยอมรับผิดได้อย่างไร เราจึงต้องสู้”
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า นายสมชายกล่าวหาว่า พันธมิตรฯ มีความผิดฐานบุกรุก และอ้างว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ซึ่งถ้าบอกอย่างนั้น นายสมชายนั่นแหละทำผิดกฎหมาย และเริ่มบิดพริ้ว
นายสมศักดิ์ได้กล่าวถึงคำพูดของนายสมชายตอนไปทำบุญไหว้กระดูกญาติภรรยาที่สันกำแพง ซึ่งนายสมชายพูดว่า เขามาบ้านเกิดของนายกทักษิณและเป็นบ้านเกิดเมียเขาด้วย เขาบอกจากใจจริงว่า “คนที่สนับสนุนผมมาตั้งแต่ต้นคือ ท่านทักษิณ ฉะนั้นเรามีความผูกพันกันอยู่ ท่านจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ท่านเป็นคนดีของผม” แปลว่า ท่านเป็นอย่างไรก็ช่างท่านเป็นคนดีของผม ท่านจะโกงชาติขายชาติแต่ท่านยังเป็นคนดีของผม นี่คือระดับอดีตผู้พิพากษาพูด ไม่ใช่เด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควายพูด
“นายสมชายเขาพูดต่อว่า ท่านทักษิณเป็นคนที่ผมให้ความเคารพ เชื่อมั่น ยึดถือและศรัทธา และมั่นใจว่าท่านเป็นคนดี นายสมชายตอกย้ำมากว่า เคารพ 1 เชื่อมั่น 2 ยึดถือ 3 ศรัทธา 4 และมั่นใจ 5 ว่า ท่านเป็นคนดี เรื่องต่างๆ ที่ผ่านไปผ่านมา ขอให้เป็นเรื่องของขบวนการ แต่เขาไม่พูดว่าขวนการอะไร ไม่บอกว่าเรื่องของกระบวนการยุติธรรมหรืออะไร แต่ทักษิณเคยบอกว่าเรื่องของเขาต้องแก้ด้วยการเมือง เพราะฉะนั้น ขบวนการที่นายสมชายพูดถึงจะหมายถึงขบวนการทางการเมืองที่จะช่วยให้ทักษิณพ้นผิดหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรื่องที่ปั่นป่วนอยู่ตอนนี้คงเป็นเรื่องที่จะช่วยพี่เมียให้พ้นผิด”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่งนั้นนายสมชายจะต้องไปถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า จะซื่อสัตย์ จงรักภักดี และบริหารประเทศชาติด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประชาชนโดยส่วนรวม และจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งคำปฏิญาณดังกล่าว ขัดแย้งกับที่นายสมชายพูดที่สันกำแพง นายสมชายจะยึดตามคำพูดตอนไปไหว้กระดูกบรรพบุรุษภรรยา หรือตอนกล่าวคำปฏิญาณ เพราะมันขัดแย้งกัน
“เมื่อนายสมชายยอมรับว่าทักษิณเป็นคนดีแสดงว่าสิ่งที่ทักษิณทำมาถูกต้องทุกประการ แล้วจะกล้าดำเนินคดีกับทักษิณได้อย่างไร นอกจากนี้นายสมชายยังบอกว่า เกิดได้เพราะทักษิณ เพราะเมียเป็นน้องทักษิณ เขาบอกว่าได้ดิบได้ดีมาถึงวันนี้ก็เพราะทักษิณ เขาบอกว่าที่ได้เป็นนายกคือได้ดิบได้ดี ซึ่งมันเป็นชุดความคิดคนละชุดกับเรา เป็นนายกได้ดีตรงไหน ไปไหนถูกคนเอามือตบไล่หัวซุกหัวซุน เจอคดีไม่รู้กี่เรื่อง เดี๋ยวก็จะติดคุกเหมือนพี่เมีย เหมือนนายสมัครบอกถ้าผมเป็นคนชั่วคงไม่ได้เป็นนายก คงไม่ได้ดิบได้ดี วันนี้นายสมัครได้ดีหรือเปล่า ถ้าผมเป็นนายกแล้วจบลงแบบนายสมัคร ไปเป็นนายกสัปเหร่อ ยังดีกว่าเยอะ”
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นายสมัครวันนี้มีอาการป่วยหายใจไม่ออก อาจเป็นเพราะคดีที่ว่าไม่น่าจะรอด และทำท่าจะหนีไปสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเพื่อนที่กรมการขนส่งทางบก ได้บอกมาว่านายสมัครไปทำใบขับขี่อินเตอร์ไว้แล้ว แสดงว่าเตรียมพร้อมที่จะหนี
นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า วันนี้เราเห็นชัดเจนว่า นายสมชายได้เปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองตลอดเวลา อย่างที่ พล.ต.จำลองพูดว่า “หน้าเนื้อใจเสือ” แสดงว่าเริ่มเห็นสัจธรรม ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก็เห็นๆ อยู่ว่า เป็นคนกลุ่มเดียวกันกับทักษิณ พรรคการเมืองก็พรรคเดิม แค่เปลี่ยนชื่อจากไทยรักไทยเป็นพลังประชาชน และจะเปลี่ยนเป็นเพื่อไทย แต่ทำไมคนบ้านเราจึงมึนงง ไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ แบบนี้
“มันก็คนพวกเดียวกัน เป็นญาติโกโหติกากันเอง มีหรือจะไม่ปกป้องผลประโชน์ของโคตรตระกูลเขา ไฉนคนไทยจะไม่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ มีแต่พันธมิตรฯ ที่ออกมาจึงถือว่าเป็นคนกล้าหาญที่จะสู้กับพวกโกงชาติโกงเมือง อย่าหยุดหย่อนการต่อสู้ คนที่ชนะได้มีแต่คนที่กล้าต่อสู้เท่านั้น”
นายสมศักดิ์ ได้กล่าวถึงกรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พูดคำไม่สุภาพในสภาและยอมถอนคำพูดโดยบอกว่าคำพูดที่ไม่สุภาพจะทำให้สภาเสื่อมนั้น ความจริงนายชัยทำให้สภาเสื่อมมากกว่านั้นอีก เพราะได้โกงที่ดินรถไฟที่ จ.บุรีรัมย์ แล้ว ส.ส.ในสภาเคยยกมือ 278 เสียง สนับสนุนคนที่ยกเขาพระวิหารให้เขมรจนผิดตามคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ สภานี้จึงเสื่อมมาก่อนแล้ว เป็นสภาที่ปกป้องคนผิด คนที่ถีบนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สภานี้ยกมือไม่เห็นด้วยที่จะให้ไปขึ้นศาล สภานี้เสื่อมเพราะคนที่ไปเป็นประธานสภามีมลทินหลายเรื่อง เสื่อมเพราะ ส.ส.ซื้อเสียงเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ และจะถูกยุบพรรคเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ พวกเสื่อมๆ มีความผิด และสกปรก จะตั้ง ส.ส.ร.3 ซึ่งคงเป็นแค่การซื้อเวลาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาทำเป็นบิดเบือนซุ่มซ่อน สุดท้ายก็ให้หมอเหวงเอารายชื่อไปยื่นเพื่อจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ที่พวกเราคัดค้านมาตลอด สุดท้ายก็มาที่เดิม ตนพวกนี้พวกเดียวกัน เราจึงต้องต่อสู้ขับไล่ไม่ว่าหน้าไหนที่เป็นพวกนี้
นายสมศักดิ์ย้ำอีกว่า สังคมประชาธิปไตยนั้นอำนาจเป็นของประชาชนเมื่อนักการเมืองซื้อสียงมา โกงที่ดินขายชาติ หมดความชอบธรรม อำนาจต้องกลับมาอยู่ กับประชาชน เพราะฉะนั้นเราอยู่ที่นี่ถือว่า ทำตามอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่มาบอกว่าให้เราออกจากทำเนียบ ต้องไปถามว่าเมื่อไหร่รัฐบาลที่หมดความชอบธรรม จะออกไป สื่อตัวจริงต้องถามแบบนี้ ถ้ากามว่าเมื่อไหร่เราจะอออก มันสื่อรัฐบาล สื่อนายทุน ไม่ใช่สื่อมวลชน ถ้าเป็นสื่อมวลชนต้องมาอยู่กับประชาชน ไม่ใช่มาว่าเราผิด
นายสมศักดิ์ได้เรียกร้องให้พี่น้องพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมให้มากๆ ในช่วงนี้ และต้องอยู่ที่นี่ ตรึงที่นี่ ถ้าจะไปที่อื่นก็ต้องมีคนเพิ่ม เฉพาะในทำเนียบต้องไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคนต่อวัน เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่อาจะ 20 วัน เป็น 20 วันที่เตรียมพร้อมที่สุด พี่น้องที่รับทราบต้องทยอยกันมา และระวังฝ่ายที่แทรกแซง ซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่าง ขอให้การ์ดทำตามกฎระเบียบและสุภาพต่อผู้ชุมนุม
“ขอให้พี่น้องร่วมกันสู้ อย่าท้อถอย สายข่าวมันไปรายงานว่าเราเริ่มอ่อนแรงหมดกำลัง มันจะมาลุยเราช่วงเวลาที่เหลือจากนี้ ฉะนั้นเราอย่าประมาท ถ้าไม่ประมาทไม่มีแพ้ และขอให้สบายใจว่าเมื่อเรามาทำหน้ากู้ชาติเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่แล้ว ชัยชนะเรารออยู่ข้างหน้า ขอเพียงแต่อย่าท้อถอย รวมพลังขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติออกไปให้ได้”นายสมศักดิ์กล่าว