พรรคประชาธิปัตย์จี้รัฐบาลแสดงจุดยืนเรื่องการปฏิรูปการเมืองให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรแน่ พร้อมทั้งให้กำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนว่าใช้เวลากี่วัน หากมีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นตัวบุคคลจะมาจากไหน หวั่นถูกครอบงำโดยอ้างเสียงข้างมาก
วันนี้ (1 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ฝ่ายค้านจะต้องรอดูว่าจะแถลงอะไรบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องมีกระบวนการที่สร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะร่วมกันปฏิรูปทางการเมืองโดยเชิญทุกฝ่ายเข้ามาร่วมได้อย่างไร ซึ่งแม้รัฐบาลไม่ต้องการเป็นเจ้าภาพ แต่รัฐบาลต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะช่วยให้เกิดความสำเร็จได้อย่างไร และที่สำคัญในฐานะที่รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะต้องไม่ใช้เสียงข้างมากเบี่ยงเบนกระบวนการปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งหากไม่มีคำตอบที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้ ก็คงไม่ทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองดีขึ้น เพราะเชื่อว่าขณะนี้หลายคนต้องการเห็นความชัดเจนและอาจจะมีความสงสัยในความจริงใจของฝ่ายการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้นหากรัฐบาลคิดว่าจะแถลงนโยบายให้เพียงผ่านไปเฉยๆ ก็คงไม่ได้ผลอะไร
“ผมอยากจะได้ฟังรัฐบาลในการแถลงนโยบาย ให้ท่านตอบให้ชัดว่าจุดยืนของรัฐบาลคืออะไร ถ้าจุดยืนชัด และมีวัตถุประสงค์ที่จะปฏิรูปการเมืองกันจริงๆ ก็น่าจะเข้าสู่ขั้นตอนในการหาเจ้าภาพที่จะเชิญทุกฝ่ายมาร่วมกัน ซึ่งอาจจะไปตกลงกันตรงนั้นอีกที แต่ทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบเท่ากับความตั้งใจของฝ่ายการเมือง เพราะที่สุด ไม่ว่าจะใช้รูปแบบไหน เสียงข้างมากของรัฐสภา ก็ต้องเป็นคนที่เปิดโอกาสให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นผู้มีอำนาจในการลงมติเรื่องรัฐธรรมนูญ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสาน(วิป) พรรคฝ่ายค้าน กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองทั้งหมดต้องมองภาพใหญ่ก่อน ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นเพียงปลายทางของการปฏิรูปการเมือง และการแก้ไขปัญหาของความขัดแย้งเท่านั้น ซึ่งการจะแก้ปัญหาได้ต้องเริ่มจากท่าทีของรัฐบาลก่อน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ควรต้องทำควบคู่กันไปกับแนวคิดของคณะกรรมการอิสระด้วย เพราะข้อเสนอของ อธิการบดีมหาวิทยาลัย 24 แห่งทั่วประเทศมีความตั้งใจที่จะเอาปัญหามาคุยกันก่อนแล้วนำไปสู่การทำประชามติ แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 291 จะเป็นปัญหาว่า ส.ส.ร.มีที่มาอย่างไรและจะปราศจากการครอบงำโดยเสียงข้างมากในสภาหรือไม่ รวมทั้งตัวเนื้อหาที่จะมีการแก้ไขด้วยและหากจะดำเนินการจริงก็ต้องกำหนดเวลาด้วย เพราะถ้าไม่มีท่าทีอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยก็เหมือนสร้างเงื่อนไขมายืดอายุรัฐบาล ที่สุดปัญหาจะขยายวงไปอีก การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เป็นคำตอบสุดท้ายในการแก้ปัญหา
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรทบทวนว่าต้นตอวิกฤตความขัดแย้งเกิดจากอะไรและต้องปรับท่าทีของรัฐบาล รวมทั้งการเมืองภาคประชาชนก็ต้องปรับท่าทีเช่นกัน นอกจากนั้นรัฐบาลจะต้องไม่สร้างเงื่อนไขความขัดแย้งเพิ่มเติมและถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องมาดูเนื้อหาคืออะไรแล้วจึงมาพูดเรื่องแก้มาตรา 291 เป็นเรื่องสุดท้าย ความจริงแล้วแนวคิดกรรมการอิสระปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องที่ดีที่เอาคนที่เป็นกลางจริงมารับฟังปัญหาขัดแย้ง ซึ่ง นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มีความเหมาะสม แต่ไม่รู้ว่าท่านจะรับหรือไม่ แต่ก็ยังคนอื่นที่เหมาะสมอีกหลายคน
ส่วนการเตรียมอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภานั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องการอภิปรายลงลึกในเนื้อหามากขึ้น ส.ส.ฝ่ายค้านจึงจะพูดคนละไม่ต่ำกว่า 15 นาทีขึ้นไป ซึ่งพรรคกำลังรอเอกสารนโยบายที่รัฐบาลอยู่ สำหรับคนที่อภิปรายก็จะให้ทำเค้าโครงเรื่องมาก่อนแล้วจะมีทีมที่คอยดูแลและเติมเนื้อหาให้สมบูรณ์ขึ้น โดยผู้อภิปรายจะอยู่ที่ประมาณ 50 คน แต่เวลา 2 วันไม่พอ ทั้งนี้จะเน้นอภิปรายเกี่ยวกับความขัดแย้ง วิกฤตเศรษฐกิจ เรื่องซีแอลยา ข้อพิพาทบริเวณเขาพระวิหาร ความชอบธรรมในการทำหน้าที่ของรัฐบาล การเช่ารถเมล์ปรับอากาศ 4,000 คัน กฎหมาย ท่าทีขององค์กรอิสระ และความเหมาะสมในการวางตัวรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้มองว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจย่อยๆ