ผู้จัดการออนไลน์ - “พิภพ” ย้ำการเมืองใหม่ต้องแก้แก้ไขปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ ชาวบ้านในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมกับการเมือง เพื่อสร้างรัฐบาลที่เข็มแข็งในการปกป้องทรัพยากรของประเทศจากกลุ่มทุนต่างชาติและนักการเมืองชั่ว
เมื่อเวลา 22.35 น. วันที่ 21 ก.ย. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ตอนแรกจะพูดถึงการเมืองใหม่ แต่เมื่อฟังนายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดถึงทรัพยากรธรรมชาติ ก็อยากจะพูดเรื่องดังกล่าว เพราะการเมืองใหม่จะต้องเข้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในพื้นที่ประเทศไทยในนั้น มีการแย่งทรัพยากรธรรมชาติ ในเรื่องแร่ ป่า ดีบุก ซึ่งมีการทำลายแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอื่นด้วย
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีข่าวชาวบ้านเล็กๆ ถูกยิงถูกจับ ซึ่งผมทำงานองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) และเมื่อเป็นเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในสมัยนั้น ทำให้ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวบ้าน ซึ่งเรื่องนี้มีการต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในระดับพื้นที่ ระดับชุมชน ซึ่งเป็นที่น่าสลดใจว้าคนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจพวกเขา และมักกล่าวหาว่าเป็นพวกขัดความเจริญ การเปลี่ยนแปลง
ดังเช่น เวลาชาวบ้านคัดค้านท่อก๊าซฯจากพม่า ซึ่งเราได้ต่อสู้ว่าไม่ควรวางผ่านลุ่มน้ำหนึ่งเอ ที่เมืองกาญจน์ เพราะเป็นต้นน้ำแควใหญ่ และแควน้อย อีกทางปลายน้ำคนกรุงเทพต้องใช้น้ำดิบมาทำน้ำประปาใช้ด้วย ใครก็หาว่าขัดขวางความเจริญ จริงๆ แล้วต้องการขัดขวางการวางท่อในลุ่มน้ำดังกล่าวเท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายต่อธรรมชาติที่มีความสำคัญของประเทศ เพียงแต่บางคนไม่เข้าใจ และก็โดนโจมตีในเรื่องนี้ ว่ารับเงินจากสิงคโปร์
“เวลาเราต่อสู้ในเรื่องนี้ถ้าระดับโลก ต้องมีรัฐบาลรักชาติไม่ขายชาติจึงจะสามารถต่อสู้ได้ ดังนั้นถ้าเราเปลี่ยนการเมืองใหม่ให้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติต้องเป็นการเมืองใหม่ที่ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม แต่รัฐบาลที่ผ่านมาเป็นรัฐบาลของกลุ่มทุนต่างชาติ จึงเปิดไฟเขียวไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังลุกลามไปถึงระบบราชการ ที่มักเข้าข้างผู้รับสัมปทานจากรัฐ จนต่างชาติเอาประโยชน์จากชาติของเราไป อาทิ เหมืองโปรแตสที่ จ.อุดรธานี ที่ให้สัมปทานต่างชาติไป แล้วเขาก็เอามาขายเรา อีกทั้งยังไม่ดูแลในเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย”
นายพิภพ กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นคนอ่างทอง ซึ่งมีทรายมหาศาลใต้ดิน แต่ด้วยการเมืองที่เป็นการเมืองเก่าซึ่งเป็นกลุ่มทุน ที่หวังปรนะโยชน์ไม่คำนึงสิ่งแวดล้อม ตำรวจก็ไม่สนใจเดี๋ยวนี้ตลิ่งพังหมด ชาวบ้านต้องย้ายหนี โดยในอนาคตป่าโมก จ.อ่างทอง พื้นที่จะยุบลงไปกลายเป็นทะเลสาบ หากชาวบ้านออกมาพูด บางรายก็ถูกฆ่า ทั้งนี้ การเมืองใหม่ต้องมีเรื่องทรัพยากรธรรมชาติด้วย ต้องใช้เพื่อประเทศชาติ และต้องดูว่ากระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีที่บางสะพานน้อย ซึ่ง บมจ.สหวิริยา จะทำโรงถลุงเหล็กที่หาดแม่รำพึง ชาวบ้านจะต่อสู้ก็โดนข่มขู่ ปรากฏว่าหาดดังกล่าวแต่เดิมเป็นที่วางไข่ของปลาทูจำนวนมากทำให้หาดดังกล่าวไม่น่าอยู่ และปลาใช้วางไข่ไม่ได้ ซึ่งเดิมการเมืองเก่าจะร่วมกับรัฐบาลที่เข้าข้างกลุ่มทุน และปล่อยหตำรวจดูแลสหวิริยา ซึ่งเหมือนกับพวกเราขณะนี้ที่ตำรวจวางเฉย ปล่อยให้ นปก.เข้ามาไล่ตีเรา
“ผมอยากชี้ให้เห็นว่า การเมืองใหม่นี้เป็นคำตอบจริงๆ ถ้าเราได้รัฐบาลที่รักชาติไม่ขายชาติและได้การเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม เราก็สามารถสู้กับต่างชาติได้ เพราะถ้าไม่มีรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลรักชาติ และประชาชนไม่มีส่วนร่วม รัฐบาลก็จะไม่สามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้ ดังนั้นในการประชุมสัมมนาวันนี้ จึงเน้นว่าการเมืองใหม่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเมือง เพื่อร่วมต่อสู้ปกป้องทรัพยากรในพื้นที่” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพยังกล่าวถึงโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียที่คลองด่าน จ.สุมทรปราการ ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ เช่น พันธุ์ปลา พื้นที่ปลาชายเลนด้วย ซึ่งยังรวมถึงการให้ชาวบ้านในพื้นที่ป่าสงวนมีส่วนร่วมกับการปกป้องป่าหมายจากกลุ่มทุน ให้มีความรับผิดชอบร่วมกันเปิดสิทธิให้เขา เพราะถ้าชาวบ้านอยู่กับป่าได้ชาวบ้านก็จะไม่เข้าเมืองมาทำมาหากิน ขณะเดียวกันได้ย้ำว่า การเมืองใหม่นี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของนักการเมืองฝ่ายเดียวแล้ว แต่จะเป็นเรื่องของประชาชนด้วย ซึ่งเรื่องนี้รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อาทิ พันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นต้น
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยต้องมีรัฐบาลที่แข็งแรง รักชาติ ถึงจะสามารถต่อสู้กับทุนต่างแดน ในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของเราไว้ได้ ซึ่งในที่นี้ต้องรวมถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ความตื่นตัวของภาคประชาชน หรือความตื่นตัวของภาคพลเมืองด้วย ซึ่งการเมืองใหม่นี้ จะทำให้ส่วนราชการทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการที่ดี สามารถรับใช้การเมืองที่ดีได้ แต่การเมืองเก่าพวกเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ จึงมีแต่ข้าราชการที่ไม่ดีที่คอยรับใช้นักการเมือง ดังเช่นข่าวในที่ผ่านๆ มา
ขณะเดียวกัน ในการดูแลทรัพยกรธรรมชาตินี้ การที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ประชาชน ข้าราชการที่ดีทำงานร่วมกันนั้น ต้องเปลี่ยนวิธีคิดของชาวบ้านด้วยว่าเขาต้องการอะไร มิเช่นนั้นพอไม่เข้าใจกัน ก็อาจทำให้ชาวบ้านต้องอพยพเข้าเมืองมาทำมาหากิน แต่การเมืองใหม่ต้องการกระจายประชาชนกลับสู่ท้องถิ่น ดังนั้นเราต้องให้คำตอบในเรื่องนี้ให้ได้ อาทิ ชาวนา ต้องทำแล้วไม่เป็นหนี้ ชาวนาต้องอยู่ได้ สามารถให้ลูกหลานเรียนได้โดยไม่เสียเงินเป็นต้น
“นี่คือสิ่งที่ผมอยากพูดในเรื่องของการเมืองใหม่ ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมปกป้องทรัพยากร ซึ่งตราบใดที่มีพรรคพลังประชาชนอยู่การเมืองใหม่เกิดขึ้นไม่ได้แน่นอน ซึ่งผมคือว่า 100 กว่าวันมานี้เราทำความเข้าใจเรื่องชัดแจ้ง แต่วันนี้เป็นเรื่องที่ลึกลงมาอีกชั้น ซึ่งวันต่อไปจะขอพูดเรื่องการเมืองใหม่กับการศึกษา การเมืองใหม่กับการปฏิรูปสื่อให้มีความเป็นกลาง เป็นสาธารณชนมากขึ้น” นายพิภพ กล่าว