เชียงราย - เจ้าหน้าที่อุทยานดอยหลวงเชียงรายบุกยึดคืนป่าไม้เกือบ 100 ไร่หลังพบนายทุนบุกรุกเข้าไปปลูกยางพาราเป็นบริเวณกว้าง ระบุพบแต่สิ่งปลูกสร้างไร้ร่องรอยนายทุนเผยรู้ตัวว่าเป็นใครแล้วอยู่ระหว่างตามตัวไปดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า วันนี้ (29 ก.ย.) นายวิฑูร เริ่มวิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 พร้อมนายเพิ่มบุญ จูฑะเตมีย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ และนายนิรันดร์ กมลมพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยหลวงนำกำลังเจ้าหน้าที่ ประมาณ 100 กว่านายพร้อมอาวุธครบมือกระจายกำลังกันเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง เขตหมู่บ้านปางอ้อย หมู่ 3 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ในการดูแลของอุทยานฯ
หลังจากสืบทราบว่า มีนายทุนเข้าไปบุกรุกพื้นที่เป็นบริเวณกว้างโดยมีการปลูกต้นยางพารากว่า 92 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา โดยเป็นลักษณะการแผ้วผางผืนป่าเดิมจนทำให้ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นเสียหายและเข้าไปปลูกต้นยางพาราอายุประมาณ 1-2 ปีแทน พร้อมปลูกเพิงพักเอาไว้ตรงกลางด้วย จากการตรวรจสอบไม่พบว่ามีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่คาดว่าได้หลบหนีไปหมดแล้ว
นายวิฑูร เริ่มวิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 กล่าวว่า ผืนป่าดังกล่าวเคยมีชาวบ้านบางส่วนทำกินเพื่อรอพิสูจน์สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ และพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ว่าเข้าไปทำกินก่อนกำหนดเวลาตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.2541 หลังประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าได้มีนายทุนเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านและทำการปลูกไม้ยางพาราเป็นผืนเดียว และยังแผ้วถางรวมทั้งปลูกสิ่งปลูกสร้างภายในอีก เจ้าหน้าที่เห็นว่าผิดสังเกตุและถือเป็นการบุกรุกป่าโดยชัดเจนจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมวางกำลังเอาไว้โดยรอบ ส่วนนายทุนคนดังกล่าวจะได้ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักฯ ได้ดำเนินแผนปกป้องป่าไม้มาตั้งแต่ปี 2550-2554 เป็นเวลา 5 ปี หลังปราบปรามตรวจยึดผืนป่าเป็นปีที่ 2 พบว่าได้มีนายทุนจากภาคใต้ ภาคอีสานและภาคกลาง จำนวนมากพากันขึ้นไปกว้านซื้อที่ดินในเขตป่าจากชาวบ้านที่ทำกินอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตามไปตรวจสอบและยึดคืนในปี 2550 กว่า 906 ไร่ และจนถึงปี 2551 นี้ก็ตรวจยึดพื้นที่ต่างๆ ไปแล้วกว่า 50-60 ครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นได้ร่วมกับหน่วยงานทุกฝ่ายทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ ฯลฯ ในการฟื้นฟูสภาพป่าเดิม
ส่วนนายทุนที่คิดจะทำความผิดเองจะถูกระวางโทษหนักโดยหากเป็นป่าสงวนแห่งชาติถูกปรับไร่ละ 68,244 บาท ป่าอุทยานไร่ละ 150,000 บาท ซึ่งบางรายถึงขึ้นหมดเนื้อหมดตัวหากยังไม่สำนึกผิด
ด้าน นายเพิ่มบุญ กล่าวว่าเดิมชาวบ้านบางส่วนก็อยู่ร่วมกับป่าและรอการพิสูจน์สิทธิ์ แต่เมื่อนายทุนเข้าไปทำให้การพิสูจน์ดังกล่าวล้มเลิกไป แท้ที่จริงชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเพราะสูญเสียทั้งที่ดินทำกินและเมื่อนายทุนรุกป่ายังทำเกิดปัญหาจากป่าไม้ถูกทำลายอีก ทั้งนี้พื้นที่ที่ถูกบุกรุกครั้งนี้เคยอุดมสมบูรณ์แต่เมื่อถูกบุกรุกโดยวิธีการอันแยบยลก็มีการทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้น ทุกฝ่ายควรร่วมกันป้องกันและปราบปรามโดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบหากมีการบุกรุกลักษณะดังกล่าว
