ผู้จัดการออนไลน์ – เนื่องในวัน รสก.ไทย “สมเกียรติ” ขึ้นเวทียกย่องพนักงานรสก. 7 แห่ง-สรส.ที่ออกมายืนเคียงข้างประชาชน รักษาผลประโยชน์ชาติ อัด ปธ.สหภาพฯ ปตท.ดูถูกพันธมิตรฯ ระบุ พปช.ยังไม่หมดความพยายามแก้ รธน.ฟอกตัวเอง ชี้นักวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัยต้องลงสนามและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน มิฉะนั้นต่อไปก็จะขาดความน่าเชื่อถือ เตรียมแฉนักวิชาการอีแอบ “จุฬา-มธ.-มช.”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (20 ก.ย.) ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 119 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวว่าในโอกาสที่วันที่ 20 ก.ย. เป็นวันรัฐวิสาหกิจไทยตนจึงต้องขอยกย่อง สหภาพรัฐวิสาหกิจอย่างน้อย 7 แห่งที่ออกมาแสดงจุดยืนเคียงข้างประชาชนมาตลอด
สำหรับรัฐวิสาหกิจ 7 แห่งดังกล่าว ประกอบไปด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), องค์การเภสัชกรรม (อภ.), การท่าเรือแห่งประเทศไทย, การประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปน.) นอกจากนี้ยังมี สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ที่มีสมาชิกเป็นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจอีก 43 แห่งด้วย
ขณะเดียวกัน นายสมเกียรติได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์รัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ ที่ถูกแปรรูปไปแล้วและเอาเปรียบประชาชน เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย อสมท และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ที่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน คือ ปตท. โดยเฉพาะประธานสหภาพ ปตท. ที่ไม่เคยแสดงจุดยืนเคียงข้างประชาชนเลย
“ที่สามานย์ที่สุดจนเราต้องไปดาวกระจายคือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยประธานสหภาพ ชื่อ นายณฐกร แก้วดี เคยดูถูกเราอย่างมาก” นายสมเกียรติกล่าว
ต่อมา นายสมเกียรติว่ามีเจ้าหน้าที่ทูตฝ่ายการเมืองของประเทศที่ยิ่งใหญ่มากในโลกประเทศหนึ่ง ขอเข้ามาพูดคุยกับบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนัดหมาย โดยนายสมเกียรติตั้งข้อสังเกตว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วเมื่อประเทศไทยมีผู้นำคนใหม่ ทูตประเทศต่างๆ จะเดินทางหรือส่งสาสน์มาแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทว่ากรณีนายสมชายกลับไม่มีใครมาแสดงความยินดีเพราะไม่มีสถานที่รองรับ เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลอยู่กลุ่มพันธมิตรฯ ยึดครองอยู่
“ปรากฏว่าไม่มีเอกอัคราชทูตประเทศไทย มาเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีคนใหม่เลย เพราะเขาไม่มีที่ต้อนรับ ... ส่วนสมชายก็ไม่รู้ว่าจะต้อนรับได้เมื่อไหร่ เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีที่ประชุม ทั้งยังไม่มีที่อยู่แน่นอน”
จากนั้น นายสมเกียรติได้กล่าวถึงกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ว่า นอกจากคดีที่ดินรัชดาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษา พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในวันที่ 21 ต.ค.ที่จะถึงนี้แล้ว ในอีก 5 วันข้างหน้า 25 ก.ย. ศาลอุทธรณ์ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยังจะนัดอ่านคำพิพากษาคดี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ นายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อีกด้วย
“สมัคร สุนทรเวช 25 กันยาฯ วันตัดสินชะตาการลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้า สมัคร ตอนนี้ช่วยเขียนจดหมายสั่งลา ลาหลานให้เรียบร้อยด้วย” นายสมเกียรติกล่าว
นอกจากนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาการบังคับใช้ เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวยืนยันว่า มีความจำเป็นในการที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยเฉพาะ มาตรา 237 ที่จะส่งผลต่อพรรคพลังประชาชนเรื่องการยุบพรรค และ มาตรา 190 เรื่องการทำสนธิสัญญาที่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ว่าแสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชาชน ยังมีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่
เตรียมแฉ 10 นักวิชาการอีแอบ 3 ม.ใหญ่
นายสมเกียรติกล่าวด้วยว่า ในช่วงค่ำวันนี้ (21) ตนจะมาพูดถึงเรื่องนักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่พยายามออกมากล่าวหาพันธมิตรฯ ต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะที่สังกัดอยู่ตาม 3 มหาวิทยาลัยใหญ่ของประเทศไทย ประกอบไปด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ นักวิชาการคนไทยที่อยู่ที่ ม.วิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะหมายถึงนายธงชัย วินิจจะกูล
“พรุ่งนี้จะแฉเรื่องนักวิชาการประมาณ 10 คน ที่กล่าวหาพันธมิตรฯ นอกจากนี้ยังมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซินแห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาแนะนำเรา สองข้อคือ หนึ่ง ให้ 9 กบฏแกนนำมอบตัว สอง ให้ความรุนแรงหมดไป แต่กลับไม่เคยบอกเลยว่าให้ทักษิณมาขึ้นศาล ไม่เคยยกย่องพันธมิตรฯ เลย ทั้งๆ ที่เรากำลังตามเอาเงินของแผ่นดินคืน และล้มทรราช” นายสมเกียรติกล่าว พร้อมว่า
“อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่กลับไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ถ้านักวิชาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสังคม ไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสังคม ไม่มาแสดงความเข้าใจในสนาม ในพื้นที่ ไม่ลงมาคลุกกับปัญหาในสังคมแล้วเสนอความเห็นแก่สังคม ก็จะไม่มีใครฟังนักวิชาการ”
ในตอนท้ายนายสมเกียรติได้กล่าวชื่นชม บรรดาเยาวชน นิสิต-นักศึกษาที่เริ่มออกมาเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา และรวมตัวได้อย่างเหนียวแน่นจนถึงทุกวันนี้ ว่าเวทีที่สะพานมัฆวานฯ ซึ่ง นิสิต-นักศึกษา ใช้จัดกิจกรรมนั้นดำเนินการได้ดีมาก
