“พล.ต.จำลอง” โต้สื่อปล่อยข่าวทำลายพันธมิตรฯ กล่าวหาทำเก้าอี้ทำเนียบหัก ทั้งที่หักมาก่อนแล้ว แถมบิดเบือนผู้ร่วมชุมนุมมีแต่ควนรวย ทั้งที่มีคนรวยคนจนและทุกชนชั้นมาร่วมชุมนุม ท้านักการเมืองใครกล้าแข่งความจน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พลตรีจำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
เมื่อเวลา 21.20 น.วันนี้ (17 ก.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวว่าที่มีคนกล่าวหาว่าเอเอสทีวีทำตัวเหมือนขอทานด้วยการขอรับบริจาคเงินจากประชาชนมาเป็นเงินเดือนนั้น ขอชี้แจงว่า การขอรับบริจาคนั้น เอเอสทีวีไม่ได้เป็นคนร้องขอ แต่เป็นความคิดริเริ่มของตนต่างหากที่ต้องการช่วยเอเอสทีวีที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการทำงานและถ่ายสอดการชุมนุมฯ โดยที่ไม่มีบริษัทห้างร้านมาซื้อลงโฆษณา ดังนั้น ที่บอกว่าเอเอสทีวีเรี่ยไรเงินจากประชาชนนั้นไม่ใช่อย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะประชาชนต้องการจะช่วยเอเอสทีวีต่างหาก ในวันนี้ได้มีผู้บริจาคเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรและเอเอสทีวีอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้จะมีผู้ช่วยเหลือมาบริจาคเต็นท์ให้แก่พันธมิตรฯ มาตั้งในทำเนียบรัฐบาลเพิ่มเติม
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในวันนี้มีผู้มาชุมนุมกันอย่างมากเนื่องจากข่าวการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยผู้มาชุมนุมเหล่านี้มาจากจังหวัดต่างๆ รวมทั้งจังหวัดที่มีนํ้าท่วมด้วย นอกจากนี้ ทางนายสนธิ ลิ้มทองกุล กำลังมีการหารือกันเพื่อที่จะจัดทำหนังสือประมวลความสำเร็จในเรื่องต่างๆ ในช่วงที่มีการชุมนุมกันมากว่า 114 วัน
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ยังมีความพยายามที่จะสร้างกระแสข่าวทำลายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เช่น นำภาพถ่ายเก้าอี้ขาหักไปลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ แล้วอ้างว่าพันธมิตรฯ ทำลายข้าวของ ทั้งที่เก้าอี้ตัวนั้นเป็นเก้าอี้เก่าและหักตั้งแต่ก่อนพันธมิตรฯ เข้ามาแล้ว นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ไม่สนใจคนจน โดยผู้มาชุมนุมนั้นส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเงิน ทั้งๆ ที่ ความเป็นจริงแล้ว คนที่มาชุมนุมกับพันธมิตรฯ มีทั้งคนจนคนรวยและทุกชนชั้นปะปนกัน และทุกคนถือว่าเสมอภาคกันหมด และถ้าจะเอาความจนมาแข่งกันแล้ว คนของกองทัพธรรม ถือว่าจนมากที่สุด เพราะแต่ละคนไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย นักการเมืองในประเทศนี้ ขอท้าเลยว่า ไม่มีใครจนกว่าตน เพราะตอนนี้ ไม่เหลือทรัพย์สมบัติอะไรติดตัว หลังจากที่เคยมีทรัพย์สินมากมายสมัยเป็นนายทหาร แต่ไม่มีความสุขเพราะต้องคอยระมัดระวังโจรผู้ร้าย จนได้มาพบกับสมณะของสันติอโศกและเห็นว่าท่านมีความสุขโดยไม่ต้องมีทรัพย์สมบัติอะไรเลย จึงได้ลดทรัพย์สมบัติส่วนตัวลงมาเรื่อยๆ จนวันนี้ไม่มีอะไรติดตัวเลย