“พิภพ” ลากไส้ “ทักษิณ” บงการลิ่วล้อสายตรงดัน “น้องเขย” นั่งนายกฯ หวังใช้ภาพผู้ดี อ่อนน้อม สมานฉันท์ กลบปัญหาทั้งหมดซุกเอาไว้ใต้พรหม ถามหาจริยธรรม “สมชาย” หลับตาข้างเดียวปล่อยเมีย-พี่เขย โกงกินบ้านเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 14 ก.ย. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงพันธมิตรฯ ที่มาจากความหลากหลายทุกอาชีพ เพื่อรวมตัวกันแสดงจุดยืนไม่เอารัฐบาลนอมินี โดยมีการบริจาคเงินสนับสนุนการชุมนุมตั้งแต่ 100 บาท จนถึงหลักล้านบาท แต่ทุกคนต่างมีจุดยืนเดียวกัน และทนไม่ได้ที่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองจากรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม
นายพิภพ กล่าวว่า ผู้คนที่มาชุมนุมและเป็นขาประจำ ส่วนใหญ่มีอาชีพ มีชีวิตที่ดี และเอาตัวรอดได้ แต่ไม่มีความสุขที่ต้องทนอยู่กับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น หลายคนที่เป็นไฮโซก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า พวกเขามาทำไม แต่ทุกคนพบว่า ไม่มีความสุขที่จะให้รัฐบาลกลุ่มนี้ปกครองอีกต่อไปแล้ว และยังบอกว่า คำหยาบก็ยังทนฟังได้ เพราะนักการเมืองมันเลวจริงๆ ทั้งคุณธรรม และจริยธรรม ก็คงต้องใช้บ้าง แต่อย่าให้หยาบมากจนเกินไป และใช้แบบสมเหตุสมผล
นายพิภพ กล่าวว่า นักการเมืองจะต้องมีจริยธรรมถ้าทำผิดแล้วจะต้องยุติบทบาท แม้ว่าบางเรื่องจะมีบทลงโทษ แต่ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง เช่น กรณีที่ ครม.ทำผิดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ แต่ศาลยุติธรรมและศาลปกครอง ไม่มีบทลงโทษ เพราะมองว่า นักการเมืองควรมีระดับจริยธรรมที่เพียงพอ เมื่อถูกชี้ผิด ก็ควรแสดงสปิริตโดยการลาออก หรือกรณีการเอา กฟผ.เข้าตลาดหุ้น ยุครัฐบาลทักษิณ เมื่อศาลปกครองตัดสินว่า มติ ครม.ผิด เอาเข้าไม่ได้ แต่พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่า ศาลต้องการให้ทำแบบไหน เดี๋ยวจะไปแก้ให้ถูก เพื่อจะเอาเข้าตลาดหุ้นให้ได้ นี่คือระบอบทักษิณ ซึ่งดึงดันแม้จะถูกตัดสินว่าผิด เพราะจริยธรรมไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน
“ตรงนี้เราคงทนไม่ได้กับจริยธรรมผู้ปกครองที่ต่ำกว่าเรามากๆ อย่างกรณีของนายสมัคร อดีตนายกฯ ซึ่งต่อสู้กับพวกเรา คมช. คตส. และศาลยุติธรรม แต่ก็แพ้จริยธรรมตัวเอง เพราะสร้างหลักฐานเท็จ ท้ายสุดแล้ว ก็ต้องพ้นไปจากตำแหน่ง”
นาพิภพ ระบุว่า วันนี้เกมเริ่มเปลี่ยน เขาไม่เอาแข็ง แต่เอาอ่อนเข้ามาแทนโดย 3 ส. เน้นความน่ารัก เรียบร้อย มีวิสัยทัศน์ และสมานฉันท์ โดยเฉพาะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเคยเป็นผู้พิพากษา แต่หลับตาข้างเดียวให้ภรรยาและพรรคพวกของตัวเองไปทุจริตโกงกิน โดยเอาปัญหาทิ้งทั้งหมดโดยเอาไปซุกใต้พรหม
“หลักการสมานฉันนท์ที่นายสมชายชอบอ้าง ผมไม่อยากจะสอน เพราะหลักสมานฉันท์จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นของมหาตมะ คานธี หรือของใครก็ตามแต่ หลักข้อแรกจริงๆ คือ ต้องทำความจริงให้ปรากฎ นายสมชายต้องถามตัวเองก่อน และบอกสาธารณะชนว่า ตนเองได้ละเว้นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือเปล่า คงต้องตอบตรงนี้ ก่อนที่จะพูดเรื่องการสมานฉันนท์”
นายพิภพ กล่าวต่อว่า หลักการสมานฉันนท์ข้อที่ 2 ต้องมีสัจวาจา คือ ต้องพูดความจริง โดยต้องตอบแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ และตอบคำถามให้ได้ว่า ตอนที่เป็นรัฐมนตรี นายสมชายได้สะสางความยุติธรรมให้สังคมด้วยความจริงใจหรือไม่ หรือว่าแกล้งละเลยมาโดยตลอดในเรื่องความยุติธรรม เพราะไม่ใช่เรื่องของการเกี้ยเซี๊ย แล้วไปแล้ว
นอกจากนี้ การละเลยเรื่องจริยธรรม มีการปล่อยปละละเลยให้ปฎิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งในเรื่องของการทุจริต และการฉ้อโกง นายสมชายต้องตอบในหลักการ และต้องใช้การปฎิบัติที่เป็นจริงเป็นจัง เพราะนายสมชายเคยมีพื้นฐานเป็นอดีตผู้พิพากษา แต่ยอมขยิบตาให้ภรรยา และพี่เขย โกงกินบ้านเมือง
“เราต้องอย่าให้ท่าทีแบบผู้ดี อ่อนน้อม แอบซ่อนความผิดหรือปกป้องความผิดทั้งหมดในตัวนายสมชาย เพราะเวลาที่เป็นคดี ทั้งกรณีของนายจักภพ เพ็ญแข, นายวีระ มุสิกพงศ์ และเว็บไซต์หมิ่นจาบจ้วงทั้งหลาย ที่เคยมีมาทั้งหมด แต่นายสมชายไม่เคยแสดงท่าทีการปกป้องใดๆ ออกมา”
นายพิภพ ระบุว่า วันที่นายสมชายได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมชายจะต้องเข้าไปถวายสัตย์ฯ ว่าตนเองจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนสุดชีวิต แต่ข้อเท็จจริงก็คือนายสมชายได้เป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังในการจาบจ้วงสถาบัน ทั้งยังมีพฤติกรรมในการละเลย หรือละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ กลุ่มที่มีการจาบจ้วงสถาบัน นายสมชายจะกล้าเข้าไปถวายสัตย์ฯ ได้อย่างไร และพวกเราคงยอมรับไม่ได้แน่นอน
