“น้องเขยแม้ว” ยันเสนอ “หมัก” นั่งนายกฯ คนเดียวไร้ชื่อสำรอง

“สมชาย” ยันเสนอชื่อ “หมัก” นั่งนายกฯ คนเดียว ไม่มีชื่อสำรอง อ้างเลือกนายกฯ สำรองไม่ได้ เลือกใครต้องคนนั้น ดื้อตาใสอ้างลดความขัดแย้งอยู่แล้ว

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 ก.ย. ที่อาคารไบเทคบางนา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปเป็นประธานการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นปี 2550 ถึงมติของพรรคพลังประชาชนที่เสนอให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสองว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เพราะติดภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ เท่าที่ทราบจากการแถลงข่าวตกลงในหลักการว่าทั้ง 6 พรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาลกันมาจะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกันอีกครั้ง และพรรคร่วมทั้ง 5 พรรค ให้เกียรติพรรคพลังประชาชนเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ตนมอบหมายให้ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค นำผลการประชุมของพรรคไปแจ้งให้พรรคร่วม 5 พรรค เพื่อนำไปประชุมของพรรคร่วม

เมื่อถามว่า หากเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีอาจมีเสียงคัดค้าน และไม่ยอมรับจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีนายกรัฐมนตรีสำรองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีมีสำรองไม่ได้ จะเลือกคนไหนก็คนนั้น

เมื่อถามว่า ทำไมพรรคพลังประชาชนไม่เสนอคนอื่นเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง นายสมชาย กล่าวว่า ก็ลดความขัดแย้งอยู่แล้ว

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 12 กันยายนนี้ว่า คงเรียบร้อยไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรอบสองนั้นก็ต้องรอดู คิดว่าทุกพรรคการเมืองจะหาทางที่ดีที่สุด เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย เพราะขณะนี้ประตูมันเปิดแล้ว คงจะใช้ประตูนี้ให้เกิดประโยชน์ ขณะนี้เรามีโอกาสจะแก้วิกฤติซึ่งเป็นเรื่องง่าย เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะมีหนทาง และแนวทางที่อยากให้กลับมาสู่ความเรียบร้อย มั่นใจในทุกพรรคการเมืองทั้ง 7 พรรค

เมื่อถามว่า มติของพรรคพลังประชาชนเสนอให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า มติของพรรคพลังประชาชนคงไม่เป็นไร ต้องดูผลจากการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาจริง อย่าเพิ่งไปตีตนไปก่อนไข้ เชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 กันยายนนี้

เมื่อถามว่า ส.ว.ส่วนใหญ่มีความเห็นอย่างไรต่อรัฐบาลแห่งชาติ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ส.ว.ไม่มีการพูดกันในเรื่องนี้ ระบอบประชาธิปไตยต้องให้พรรคที่รวมตัวกันได้มากที่สุดเป็นผู้เสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คิดว่าจะใช้ดุลยพินิจที่ดีแก้ไขสถานการณ์ ส.ว.ไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอ เพราะอยู่กันคนละสภา ใครก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

เมื่อถามว่า นายสมัครไม่ควรที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะนายสมัครเป็นผู้ใหญ่คงคิดได้ดีกว่าตน ทั้งนี้รัฐบาลแห่งชาติคงเป็นแนวทางหนึ่ง แต่คิดว่ายังไม่ถึงตรงนั้น ระบอบของเรายังเดินได้ เพราะยังมีฝ่ายค้าน และรัฐบาล มีการตรวจสอบกัน คิดว่าคงไม่ไปถึงตรงนั้น