ตั้งแต่ช่วงเช้า (4 ก.ย.) กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาล ได้ตื่นมารอฟังคำแถลงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผ่านสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อเวลา 07.30 น.ที่ผ่านมา ซึ่งทางเวทีพันธมิตรฯ ได้เปิดเสียงผ่านลำโพงให้ผู้ชุมนุมได้ยินโดยทั่ว แต่จากคำแถลงชี้แจงปรากฏว่าผู้ชุมนุมต่างแสดงความผิดหวัง เนื่องจากเดิมเข้าใจกันว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก ทั้งนี้ ตลอดช่วงที่นายกรัฐมนตรีพูดนั้น ผู้ชุมนุมได้มีการโห่ไล่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในช่วงที่กล่าวถึงผู้ชุมนุม และมีการชี้แจงถึงการใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และในช่วงที่ย้ำว่าจะไม่ลาออก
ขณะที่บรรดาแกนนำพันธมิตรฯ ยังคงอยู่ในบริเวณที่ชุมนุม และเมื่อนายกรัฐมนตรีชี้แจงไปได้ระยะหนึ่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีทำความเข้าใจต่อกลุ่มผู้ชุมนุม โดยยืนยันว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาแกนนำทั้ง 5 คนได้ประชุมกัน และเห็นว่าไม่ว่านายสมัคร จะพูดอย่างไรก็จะมีการชุมนุมต่อไปอย่างเหนียวแน่น โดยยังคงย้ำจุดมุ่งหมายเดิมที่จะชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก และขณะนี้มีบุคคลบางคนพยายามเกลี้ยกล่อมให้พันธมิตรฯ ยุติการชุมนุม ซึ่งขอร้องว่าอย่าไปเชื่อ เพราะอยู่กันมา 103 วันแล้ว มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวคือการเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ดีขึ้น ดังนั้น ทุกคนจะต้องต่อสู้ต่อไป ซึ่งมีรายงานว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายในขณะนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้
ทางด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ขึ้นเวทีปราศรัยภายหลังจากที่นายสมัครพูดจบ โดยระบุว่า รู้สึกผิดหวัง เพราะนอกจากนายกรัฐมนตรีจะไม่พูดความจริงแล้วยังมองว่านายกรัฐมนตรีโกหก อย่างเช่นกรณีนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ตัดสินใจลาออก ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นเพราะภรรยามีปัญหาด้านสุขภาพ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา แกนนำพันธมิตรฯ ได้สับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีตอบโต้คำพูดของนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันความบริสุทธิ์ใจของพันธมิตรฯ ว่าไม่ใช่ลัทธิประหลาด แต่ร่วมกันต่อสู้เพราะรัฐบาลทำร้ายประเทศชาติในหลายเรื่อง เช่น การไม่เคารพคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ หรือการช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีให้พ้นคดี พร้อมชี้แจงถึงสาเหตุที่แกนนำพันธมิตรฯ ไม่เข้ามอบตัวว่าเป็นเพราะหมายจับขาดความชอบธรรม ตั้งข้อหาเกินขอบเขต มีเจตนาจับแกนนำเพื่อสลายการชุมนุม จึงต้องปักหลักชุมนุมกันต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาล