“ปริญญา” อัด ตร.ยัดข้อหากบฏ “แกนนำพันธมิตรฯ” เกินกว่าเหตุ

“นักวิชาการ” รุมสับ “ตำรวจ” ตั้งข้อหา “แกนนำพันธมิตรฯ” เป็นกบฏถือว่าเกินความเป็นจริง ชี้ชัดตั้งข้อหาได้แค่เพียงบุกรุกสถานที่ราชการเท่านั้น ด้าน “เอนก” เบรกรัฐบาลหมดความชอบธรรมทันทีหากใช้กำลังเข้าปราบปราม เตือนหาก “แกนนำฯ” ถูกจับ เชื่อ ปชช.ลุกฮือเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ รุ่น 2 มากกว่าเดิมแน่นอน

วานนี้ (27 ส.ค.) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจตั้งข้อหา 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นกบฏต่อแผ่นดินว่า ตำรวจตั้งข้อหาที่เกินความเป็นจริง และรุนแรงเกินไป เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เข้าข่ายข้อหาดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย โดยอย่างมากที่สุดหากจะมีการตั้งข้อกล่าวหาเกิดขึ้นก็คงจะสามารถกระทำได้ในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

“ตราบใดที่การชุมนุมยังคงเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ประชาชนก็สามารถใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ตามกฎหมาย โดยสามารถตัดสินใจว่าจะเลือกข้าง หรือไม่เลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ใช้ความรุนแรง” นายปริญญา กล่าว

ด้าน นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ในการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลครั้งนี้ ความชอบธรรมในสายตาประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นการแสดงออกถึงความมีอารยะ ส่วนเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ พลาดไปบางจุด ทำให้ความชอบธรรมตกเป็นไปของรัฐบาลที่ใช้ความอ่อนโยน ความเงียบสยบความเคลื่อนไหว แต่วันนี้หากรัฐบาลใช้ความรุนแรงเข้าจับกุมแกนนำฯ ที่เป็นผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ก็ถือว่าทำผิด เพราะเป็นการใช้กำลังเจ้าปราบปรามประชาชนหน้าทำเนียบรัฐบาล จะทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรม

“รัฐบาลอย่าคิดว่า หากจับกุมแกนนำฯ ทั้ง 9 คนแล้ว การชุมนุมของพันธมิตรฯ จะยุติลง เพราะหากพันธมิตรฯ จัดผู้นำแถวที่สองได้ และเคลื่อนไหวสู่ทิศทางที่เรียกร้องให้คืนความเป็นธรรมแก่แกนนำทั้ง 9 หรือกดดันให้รัฐบาลยกฟ้องถอนคดีไป จะทำให้ประชาชนไปร่วมชุมนุมกับแกนนำชุดที่ 2 มากกว่าปัจจุบัน และจะทำให้บ้านเมืองนำไปสู่ความไม่สงบยิ่งขึ้น และเมื่อถึงเวลานั้นนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะต้องแสดงความรับผิดชอบ” นายเอนก กล่าว