“พัลลภ” ปัดหนุนหลังพันธมิตรฯ พร้อมเตือน “สมัคร” อย่าแอบอ้างเบื้องสูง ให้สังคมเข้าใจผิด ขณะเดียวกัน แนะ ผบ.ตร.อย่าตั้งข้อหากบฏกับแกนนำพันธมิตรฯ เพราะไม่ร้ายแรงถึงขั้นใช้กำลังล้มล้าง รบ.หวั่นเหตุการณ์บานปลาย วอนเลิกรับใช้การเมือง
วันนี้ (27 ส.ค.) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน แสดงความประหลาดใจกับทีวีไทยถึงกรณีที่มีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ โดยยอมรับว่าเป็นเพื่อนสนิทกับ พล.ต.จำลอง แต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องแนวทางการต่อสู้ ซึ่ง พล.ต.จำลอง จะเน้นในเรื่องสันติวิธี และอหิงสาในการต่อสู้ที่ต้องใช้เวลาและความอดทน ส่วนตนมีความอดทนน้อยกว่า
พล.อ.พัลลภ กล่าวต่อว่า ทั้ง พล.ต.จำลอง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องไปปรึกษาใคร ในเรื่องการต่อสู้ทางการเมือง และ พล.ต.จำลองก็ไม่เคยมาปรึกษาด้วย แต่ก็แปลกใจเหมือนกันที่มีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวาย เพราะหากเขาอยู่เบื้องหลังคงไม่ชุมนุมยืดเยื้อมาร่วม 3 เดือนอย่างแน่นอน เพราะไม่มีความอดทนขนาดนั้น ซึ่งตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยไปร่วมชุมนุมด้วยแม้แต่ครั้งเดียว
พล.อ.พัลลภ ยังกล่าวเตือน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ระมัดระวังอย่ารับใช้การเมือง ในการตั้งข้อหากบฏกับแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกับที่เขาเคยได้รับเมื่อครั้งร่วมยึดอำนาจในเหตุการณ์เมษาฮาวาย ระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน พ.ศ.2524 โดยกล่าวว่าการตั้งข้อหากบฏเป็นข้อหาที่รุนแรงมาก ซึ่งหมายถึงการใช้กำลังยึดอำนาจล้มล้างรัฐบาล แต่สิ่งที่พันธมิตรฯ ทำตลอดช่วงที่ผ่านมา คือกดดันให้รัฐบาลลาออก ด้วยการชุมนุมกดดันทางการเมืองอย่างสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง และเกรงว่าหากมีการจับกุมด้วยข้อนี้เชื่อว่าจะทำให้เหตุการณ์บานปลายออกไป
พล.อ.พัลลภ กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่าไม่ควรแอบอ้างเบื้องสูง หรือการพูดจาที่ทำให้สังคมเข้าใจผิด เพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ไม่มีความรุนแรงอะไร และไม่เชื่อว่าหากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุการณ์พฤษภาคมปี 2535 ว่า สถานการณ์รุนแรงจนกลายเป็นจุดจบของรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร หลังประกาศภาวะฉุกเฉินยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง