xs
xsm
sm
md
lg

คตส.แถลงยัน ไร้คนรับสินบน 1.9 หมื่นล้านยึดทรัพย์ทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สัก กอแสงเรือง
คตส.ออกแถลงการณ์ ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ได้รับสินบนนำจับสมบัติ “ทักษิณ” 1.9 หมื่นล้านบาท หลังศาลยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ทั้ง 10 คน นำโดย นายนาม ยิ้มแย้ม ได้นัดหารืออดีตกรรมการคตส.และร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อหารือกรณีที่ทีมกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า การที่ คตส.อายัดทรัพย์สินของอดีตนายกฯ 6.9 หมื่นล้านบาท และส่งฟ้องศาลได้ทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน โดยคนของ คมช.และ คตส.หวังได้รับเงินสินบน 25 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็นเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท

หลังจากหารือกันนานกว่า 1 ชั่วโมง นายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษก คตส.แถลงว่า จากการถูกพาดพิง อดีตคณะกรรมการ คตส.จึงได้ออกแถลงการณ์เพื่อทำความเข้าใจให้สาธารณชนได้รับทราบ ดังนี้ 1.หลักเกณฑ์ของการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล สินบน คือ เงินที่จ่ายให้แก่ผู้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับทรัพย์สิน ทุจริต ประพฤติมิชอบ ร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รางวัล คือ เงินที่จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ดำเนินการเพื่อให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน

2.ตามระเบียบ คตส.ว่าด้วยการจ่ายสินบนในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ พ.ศ.2549 มีเฉพาะสินบน ไม่มีเงินรางวัล ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐรวมทั้ง คตส.จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินสินบน หรือรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น 3.ระเบียบของ คตส.แตกต่างจากระเบียบอื่นๆ เช่น ศุลกากร ยาเสพติด หรือการฟอกเงิน ที่จ่ายสินบนแก่ผู้แจ้งเบาะแสและจ่ายรางวัลให้แก่เจ้าหน้าที่ แต่ระเบียบ คตส.จ่ายเฉพาะเงินสินบนแก่ผู้แจ้งเบาะแสเท่านั้น เพื่อให้ทรัพย์สินที่ทำผิดซึ่งถูกปกปิดซุกซ่อนไว้ สามารถดำเนินการให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย เมื่อมีการใช้ข้อมูลจากเบาะแสจนทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ถึงที่สุดแล้วผู้แจ้งเบาะแสจึงมีสิทธิ์ได้รับเงินสินบน 25 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่ตกเป็นของแผ่นดิน

4.ที่มาของระเบียบ เนื่องจาก คตส.เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 25 (5) กำหนดให้ ป.ป.ช.วางระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนแก้ผู้ชี้ช่องแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ หรือเพิ่มขึ้นผิดปกติให้ตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้แจ้งเบาะแสได้เงินสินบนตามมาตรา 30 แต่เนื่องจาก ป.ป.ช.ยังไม่มีระเบียบดังกล่าว คตส.จึงได้ออกระเบียบโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 5 ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 5.วัตถุประสงค์ของระเบียบ เพื่อให้ได้ข้อมูลเบาะแสจากผู้เกี่ยวข้องมาใช้ดำเนินการแก่ทรัพย์สินที่ทำผิดตามกฎหมาย ให้ตกเป็นของแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพ

6.การดำเนินการที่นำไปสู่การอายัดทรัพย์สิน 6.9 หมื่นล้านบาท และการดำเนินการให้ทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน เกิดจากการตรวจสอบและไต่สวนจากข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และการตรวจเส้นทางเงินของ สตง.และช่องทางอื่นๆ โดยอนุกรรมการตรวจสอบและไต่สวนของ คตส.ไม่ได้เกิดจากการแจ้งเบาะแสของผู้ใด ดังนั้น การตรวจสอบและไต่สวนทุกสำนวนของ คตส.จึงไม่มีการจ่ายสินบนให้แก่บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่ประกาศใช้ระเบียบเงินสินบนระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2549 ถึง 30 มิถุนายน 2551 ไม่มีผู้มาแจ้งเบาะแสตามประกาศดังกล่าว ดังนั้น การดำเนินการขอให้ทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน จึงไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ได้รับสินบนแต่อย่างใด คตส.จึงต้องออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจง ไม่ให้สาธารณชนเกิดความสับสนในข้อมูล

นายสัก กล่าวต่อว่า จากการหารือของ คตส.เห็นว่า เป็นความพยายามของผู้ต่อสู้ หรือของผู้กล่าวหาที่พยายามต่อสู้มาโดยตลอด โดยหยิบยกเรื่องที่มาของคตส.ตั้งแต่ในชั้นตรวจสอบและไต่สวนจนถึงชั้นศาล แต่สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยว่าที่มาของคตส.ชอบด้วยกฎหมาย และศาลอาญาก็ได้พิจารณาให้เห็นแล้วกรณีการหลีกเลี่ยงภาษี หาก คตส.ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 องค์กรที่ตั้งขึ้นมาหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย หากเป็นเช่นนั้นองค์กรเหล่านี้ก็ต้องเป็นผลไม้พิษทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่อาจมีความพยายามจากพรรคพลังประชาชนแก้ไขการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้มีการพิจารณาถึง 3 ศาลว่า อยากบอกว่านักการเมืองรู้สึกตัวช้าไป เพราะกระบวนการทำงานของศาลฎีกาได้ถูกกำหนดขึ้นในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2540 เพื่อให้ศาลฎีกาได้ไต่สวนพิจารณาความผิดของนักการเมืองที่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น จึงควรกลับไปพิจารณารัฐธรรมนูญก่อน ส่วนที่จะมีการแก้ไขระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์จาก 30 วัน เป็น 1 ปีนั้น ตนไม่เคยเห็นตัวอย่างแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น