xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้ว่าฯ หญิงห่วงฟื้น “ลูกเสือ” แฝงเล่ห์การเมือง-แฉโยกย้าย มท.“เชื้อเขมร” แพร่เต็ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิพัทธา อมรรัตนเมธา
“อดีตผู้ว่าฯ หญิง” ห่วง มท.1 ฟื้นลูกเสือชาวบ้าน ชี้หากอบรมเพื่อปลูกฝังความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็เป็นเรื่องดี แต่หวั่นมีนัยแอบแฝงทางการเมือง สร้างมวลชนไว้ต่อต้านพันธมิตรฯ เตือนช่วยกันสอดส่องดูแล พร้อมแฉโยกย้ายในมหาดไทย “เชื้อเขมร”แพร่ทุกจังหวัดแน่

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา ปราศรัย 

เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 17 ส.ค. นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา อดีต ส.ว.และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา-ปทุมธานี ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า จากข่าวที่ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ จะฟื้นฟูลูกเสือชาวบ้านนั้น ทำให้มีอดีตประธานลูกเสือชาวบ้านหลายจังหวัด และอดีตผู้ว่าฯ หลายจังหวัดโทรศัพท์มาสอบถามตนว่าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งถ้าคิดแบบตื้นๆ ไม่มีอะไรเลยก็ดี แต่ถ้ามีนัยในการฟื้นมันก็ยุ่ง

นางนิพัทธา กล่าวต่อว่า ลูกเสือชาวบ้านนั้น มีมาตั้งแต่ปี 2514 โดย ผู้ใหญ่ใน ตชด.ท่านหนึ่ง มีความคิดว่าตอนนั้นเรากำลังต่อสู้กับคอมมิวนิสต์อยู่ จึงอยากให้ชาวบ้านมาร่วมต่อสู้กับทหาร ตำรวจ ก็เลยฝึกลูกเสือชาวบ้านขึ้นมา ที่อำเภอนาแห้ว จ.เลย เป็นครั้งแรก เพื่อจะยับยั้งการโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์ โดยลูกเสือชาวบ้านจะมีปณิธานจงรักภักดีและปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หลังจากนั้น 1-2 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็เสด็จที่ค่ายเสนีย์รณฤทธิ์ ที่ จ.อุดรธานี เพื่อดูการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน หลังจากนั้นพระองค์ท่านก็ทรงรับลูกเสือชาวบ้านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จนถึงขณะนี้มีลูกเสือชาวบ้านราว 7 ล้านคน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ให้ความสำคัญกับลูกเสือชาวบ้านมาก และลูกเสือชาวบ้านก็เทิดทูนทั้ง 2 พระองค์มาก

“เพราะฉะนั้น บอกว่าฟื้นฟูก็งงอยู่เหมือนกัน เพราะมีอยู่แล้ว 7 ล้านคน จะฟื้นฟูอะไร แต่ถ้าหากว่าเป็นนัยที่ดี การฟื้นฟูเพื่อสร้างความรักชาติ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในจิตใจของลูกเสือชาวบ้านยิ่งขึ้น เข้มขึ้นก็เป็นแนวทางที่ดี ลูกเสือชาวบ้านเป็นพลังที่บริสุทธิ์ ถ้าให้ใช้ลูกเสือชาวบ้าน ที่เป็นห่วงกัน คือถ้าใช้ไปในแนวทางที่ไม่ดี ก็จะเป็นการระคายเคือง เพราะลูกเสือชาวบ้านนั้น ทั้ง 2 พระองค์ทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ แล้วที่สำคัญ ลูกเสือชาวบ้านเป็นพลังบริสุทธิ์ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ถ้าเมื่อไหร่มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง วันนั้นยุ่งแน่

เพราะว่าทำไมต้องมาฟื้นฟู ในเมื่อมีอยู่แล้วตั้ง 7 ล้านคน แต่ถ้าฟื้นฟูการฝึกอบรม ดีเลย ดิฉันสนับสนุน ไม่มีวิทยากร จะไปเป็นให้ และต้องให้ลูกเสือชาวบ้านได้เรียนรู้ว่า 1.รักชาติ ขณะนี้ชาติมีวิกฤติยังไง เกิดจากอะไร ใครเป็นคนทำ ต้องบอกลูกเสือชาวบ้านว่า ขณะนี้ เราเสียดินแดนนะ เสียอธิปไตยเหนือดินแดนนะ จะนำไปสู่อะไรต่ออะไร ว่าขณะนี้เป็นยังไง ศาสนาอ่อนแอลงไหม ขณะนี้ พระมหากษัตริย์ หมิ่นเหม่ มีการจาบจ้วง มีคนจ้องที่จะดิสเครดิต อะไรต่างๆ นานา ต้องบอกลูกเสือชาวบ้าน

ต้องให้วิทยากรลูกเสือชาวบ้านนำความเรื่องนี้ไปให้ลูกเสือชาวบ้านทุกคนได้รับรู้
นี่คือการฝึกอบรมที่แท้จริง แต่ถ้านำลูกเสือชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเครื่องมือ ในการต่อต้านกลุ่มคนเช่นกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเทิดทูนพระมหากษัตริย์ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในชีวิต มันก็เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นเราทุกคนต้องคอยจับจ้อง คอยจ้องดู ใครมีเพื่อนฝูง ใครมีพี่น้องเป็นลูกเสือชาวบ้าน คอยจ้องดูว่า มีการอบรมกันยังไง มีการใช้ลูกเสือชาวบ้านยังไงบ้าง เอามาเล่าสู่กันฟัง

บอกเลยนะคะ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าจะเป็นนัยการเมืองหรือไม่ แต่ถ้าหากไม่มีนัยทางการเมืองจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพียงแต่ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้กับลูกเสือชาวบ้าน ให้รู้กันทั่วๆ ไปว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยนี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าเป็นเจตนาบริสุทธ์ของท่าน มท.1 ก็ขอขอบคุณท่านไว้ ณ ที่นี้” นางนิพัทธากล่าว

ต่อมา นางนิพัทธาได้แสดงความเป็นห่วงต่อการโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะในกระทรวงมหาดไทย ที่ดูเหมือนว่า “เขมร”ยึดหมดแล้ว บริเวณรอบข้าง มท.1 การแตก่งตั้งโยกย้ายจะมีเชื่อสาย “เขมร” กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก จึงขอให้ มท.1 ที่เป็นถึง พล.ต.อ. ต้องหูหนัก และใจหนัก ท่านบอกว่าไม่มีใครสั่งท่านได้ แต่เขาไม่สั่งท่านหรอก แต่จะกระซิบ เสนอ แล้วยื่นให้ดู แล้วการฟังข่าว ท่านเป็นตำรวจใหญ่ ต้องฟังข่าว 2 ด้าน ต้องวิเคราะห์ ไม่ใช่ฟังข่าวด้านเดียว

“ดิฉันไม่ห่วงอะไร ห่วงคนรอบตัวท่าน เดี๋ยวนี้เต็มไปหมด ท่านบอกไม่ต้องห่วง ปลัดพงศ์โพยม ท่านไม่ย้ายหรอก ก็จะย้ายได้ยังไง อีกเดือนกว่าท่านก็เกษียณแล้ว ถ้าใครย้ายก็บ้าแล้ว แต่ขณะนี้ วิ่งกันฝุ่นตลบ ข้าราชการที่ชอบห้อยโหนก็วิ่ง นักการเมืองก็เอาคนของตัวเอง ไปอยู่ตำแหน่งใหญ่ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และพรรคพวก และพรรคการเมือง

ยกตัวอย่างที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ คือ ขณะนี้การเมืองเหมือนจะนิ่งแต่มันไม่นิ่งเลย นะคะ แต่การเมืองที่เราไปพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฝ่ายประจำเขากำลังโปรโมต แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรมอยู่ขณะนี้ ทหารตำรวจด้วย ยกตัวอย่างที่สำนักปลัดสำนักนายกฯ ขณะนี้ปลัดจะเกษียณ กำลังจะมีตำแหน่งปลัดสำนักนายกว่าง คนที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นใครทราบไหมคะ คนที่อาวุโสน้อยค่ะ คนๆ นี้ โอนมาจากสำนักเลขาธิการนายกฯ มาอยู่สำนักปลัดฯ โอนมาปั๊บ มาเป็นผู้ตรวจราชการ แต่มาได้แป๊บเดียว ตำแหน่งรองปลัดว่าง แล้วก็เกิดได้ขึ้นมา ข้ามหัวหัวหน้าผู้ตรวจ

มันเป็นไปได้ไหมคะ เป็นผู้ตรวจแล้วเพิ่งโอนมาด้วยนะคะ ข้ามหัว หัวหน้าผู้ตรวจไปเป็นรองปลัด นี่กระโดดค้ำถ่อมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อสมัยคุณหญิงทิพาวดี นะคะ พอตอนนี้ ไม่ใช่เป็นรองปลัดอันดับหนึ่งนะคะ แทนที่ปลัดและนักการเมืองจะเสนอรองปลัดคนที่ 1 อาวุโสอันดับหนึ่ง ไปเสนอคนนี้อีกแล้วค่ะ เสนอคนที่กระโดดค้ำถ่อมานี่ มาเป็นปลัดอีกแล้ว ทั้งที่ข้ามอาวุโส ทั้งที่คนที่เป็นรองอาวุโสอันดับหนึ่ง เป็นซี 10 มาก่อนหลายปี นี่เป็นเรื่องของการยกตัวอย่างว่า ขณะนี้ ระบบวิ่งเต้น ระบบคนที่เอาใจผู้บังคับบัญชา คนที่เอาใจนักการเมือง ทำให้ทุกอย่าง ผิดๆ ถูกๆ ได้หมดเลย ก็จะได้รับผลตอบแทน เป็นตำแหน่ง

ร.5 เลิกทาสไปนานแล้ว แต่ข้าราชการไทยเรายังเป็นทาสน้ำเงิน ยังเป็นทาสอำนาจ ยังเป็นทาสตัณหาของตัวเองอยู่ บ้านเมืองก็ลำบาก ท่านคิดดูสิคะ ตั้งแต่ปี 44 เป็นต้นมา ตั้งแต่ระบอบทักษิณเข้ามาในการเมืองไทย ระบบอุปถัมภ์วิ่งเต้นเดี๋ยวนี้มันขึ้นมาเยอะแยะเลย ข้ามหัวคนมาตลอดเลย ข้ามหัวคนที่อาวุโสกว่า ข้ามหัวคนที่ทำงานมาก่อน มีประสบการณ์สูงกว่า เยอะๆ บ่อยๆ มันทำลายขวัญกำลังใจข้าราชการ แต่ปรากฏว่าระบบเหล่านี้คนที่มันกระโดดข้าม น่าจะส่งไปแข่งโอลิมปิกที่ปักกิ่ง เหลือเกิน กระโดดค้ำถ่อได้เก่งมาก

พวกนี้งานไม่ค่อยเก่ง วันๆ เอาแต่เอาใจผู้หลักผู้ใหญ่ นวดบ้าง เลียบ้าง ทำโน่นทำนี่ ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน แล้วก็ได้ดี ท่านคิดดู ตั้งแต่ปี 44 เป็นต้นมา พวกนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งอีกไม่กี่ปี อีกไม่นานเท่าไหร่ พ.ศ.นี้ พ.ศ.หน้าก็ได้ คนพวกนี้ก็จะขึ้นมา เป็นใหญ่ทุกกระทรวงทบวงกรมเลย คนที่ง่อย คนที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองทำหน้าที่อะไร ขึ้นมาเป็นใหญ่ในกระทรวง ทบวงกรมทั้งหลาย ระหว่างบริหารกิจการบ้านเมือง ควบคู่กับนักการเมือง เป็นเครื่องมือนักการเมือง

“อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราคะท่าน ถามหน่อย นี่คือสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ก็ขอฝาก คนวิ่งก็ช่างวิ่งเหลือเกิน วิ่ง ไอ้คนที่ช่วยก็ช่วยเหลือเกิน เพราะอยากได้พวก และที่สำคัญอยากฝากไปถึงพี่น้องข้าราชการ ทั้งข้าราชการปัจจุบันและอดีตข้าราชการ ขอร้องเถอะค่ะ ท่านตัดกิเลสตัดตัณหาส่วนตัว ถ้ารักในหลวงห่วงลูกหลาน ท่านอย่าไปยอมเป็นเครื่องมือของนักการเมืองชั่วๆ อย่าทำอะไรผิด อย่างน้อยอยู่เฉยๆ มั่งก็ยังดีนะคะ อย่าสนองตอบเพราะท่านจะชั่วตามไปด้วย

“แล้วที่สำคัญ นั่งอยู่เฉยๆ ทำไมคะ ข้าราชการ ทหารตำรวจ ข้าราชการทุกคนที่อ้างตัวว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั่งอยู่เฉยไปทำไม ท่านจะรอให้ประเทศไทยมันล่มไปต่อหน้าต่อตาเชียวหรือ แล้วตัวท่านจะอยู่ตรงไหน ท่านนั่งดูเราจากทีวี นั่งจิบเหล้าไป สูบบุหรี่ไป นั่งกินอาหารไป มีความสุขอยู่ที่บ้าน เออผมเห็นด้วย แต่นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านเฉยๆ มันได้อะไรขึ้นมา ออกมาเถอะคะ ออกมาอยู่กับเรา เพิ่มพลัง พลังเรามีมากเท่าไหร่พลังฝ่ายตรงข้ามจะอ่อนด้อย ลงมากเท่านั้นดิฉันเจอข้าราชก เยอะผมสมควรที่มา แต่ไม่ได้มาก็ยังอีกเยอะ” นางนิพัทธา กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น