ผู้จัดการออนไลน์ – “ภูวดล” อัด “สมัคร” แอบอ้างหมายกำหนดการ มิบังควร พร้อมแฉข้อมูลดีเอสไอ “โกวิท” และพวกร่วม 30 คนมีเอี่ยวซ้อมผู้ต้องหาจุดชนวนไฟใต้และคดีอุ้มทนายสมชาย งง! ทำไมคนแบบนี้ยังลอยหน้ามาเป็นรองนายกฯ เผยอนุกรรมการ ป.ป.ช.สอบสวนเสร็จแล้วตั้งแต่ พ.ค. จี้ส่งให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อส่งต่ออัยการให้เอาคนเลวเข้าคุกด่วน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย
วันนี้ (10 ส.ค.) เวลา 19.50 น. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยกล่าวถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ได้หลงตัวเองด้วยการสร้างหมายกำหนดการจัดงาน “ศิลป์แผ่นดิน” ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม และลานพระบรมรูปทรงม้าแบบมิบังควร โดยอ้างว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจะเสด็จเป็นองค์ประธาน ทั้งที่พระองค์ยังทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ยังไม่ได้เสด็จกลับถึงประเทศไทย ซึ่งการกระทำครั้งนี้ถือเป็นการจาบจ้วงเบื้องสูง เช่นเกียวกับในวันที่นำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น นายสมัครก็กราบบังคมทูลอย่างไม่รู้กาละเทศะ แม้นายสมัครจะอ้างว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าพระยาก็ไม่ควรทำเช่นนี้
ศ.ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ครม.ของนายสมัครล้วนมีแต่พวกโกงกิน และมีแผลเต็มตัวไปหมด หนึ่งในนั้นก็คือรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งสมัยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น นับว่าเป็นอีกต้นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยตนมีเอกสารที่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่ทำร่วมกับรอง ผบ.ตร.คนหนึ่งในปัจจุบันนี้ มาแฉให้พี่น้องทุกคนได้รับฟัง
โดยเมื่อสมัยรัฐบาลนายสมัครมีอำนาจก็มีการสั่งย้ายอธิบดีกรมดีเอสไอ เพื่อส่วนหนึ่งหวังปิดเรื่องนี้ แต่เอกสารชิ้นนี้ได้มีการพิจารณาแล้วว่าพบมีมูล และได้ส่งให้ ป.ป.ช. ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ทำการสืบสวนโดยการตั้งคณะอนุกรรมการ อยู่ภายใต้การนำของอดีตตุลากรอย่างนายวิชัย วิวิตเสวี และเท่าที่รู้ว่าการสอบสวนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ พ.ค. แต่อยากถามว่าคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.เจอเงามืดอะไรจึงไม่กล้ายื่น ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาต่อไป
ศ.ดร.ภูวดล กล่าวว่า เร่องนี้เกี่ยวกับคดีนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความที่ถูกอุ้มหายไปด้วย โดยเมื่อ 4 ม.ค.2547 เกิดการปล้นปืนที่ อ.เจาะไอร้อง จำนวนมาก ภายหลังจากนั้นนายกฯหน้าเหลี่ยมก็ประกาศว่าเป็นการกระทำของโจรกระจอก และจะจับให้ได้ภายใน 3 เดือน
“ประเด็นคือว่า ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าหมาที่ไหนทำ อีกทั้งมีปัญหาติดพันมาคือ หลังจากนี้ตำรวจไทยเริ่มทำตัวเข้าข้างนักการเมือง เพราะผยองที่มีนายตำรวจเป็นนายกฯ โดยร่วมมือตั้งกองบัญชาการตำรวจส่วนหน้าขึ้นมา และให้รอง ผบ.ตร.ควบคุมที่นั่น เพื่อขุดรากถอนโคนโจร”
ประเด็นต่อมา ได้มีตำรวจก่ออาชญากรรมบัดซบต่างๆ เกิดขึ้น ประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พล.ต.ท.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ปัจจุบัน พล.ต.ต.สมพงษ์ รอง ผบช.ตำรวจภูธรภาค 9 และรอง ผบ.กองปราบปราม สามยอด, รอง ผบ.จังหวัดนราธิวาส รวมนายตำรวจอีก 30 คน ซึ่งได้อาสา พ.ต.ท.ทักษิณ ไปปราบปรามโจรเหล่านี้
โดยในวันที่ 5 มี.ค.2547 ตำรวจไทยภายใต้การสั่งการของ พล.ต.อ.โกวิท และมีพล.ต.ต.ภานุพงศ์ เป็นหัวหน้า เข้าในไปพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เวลา 04.30 น. เพื่อจับกุมนายอนุพงษ์ หรือกำนันโต๊ะเด็ง ทั้งที่ไม่มีหมายจับ และมาทำหมายจับตอนหลังที่ศาลอาญากรุงเทพฯ ต่อมานำตัวผู้ต้องหามาขัง สภ.ต.ตันหยงมัด นราธิวาส พร้อมกักขังผู้อื่นอีก 3 คน โดยใช้วิธีการเค้นให้รับสารภาพแบบโหดร้ายรุนแรงต่างๆ และก็นำมาขังต่อที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ตำรวจเหล่านี้ได้ลงมือซ้อมให้กลุ่มของกำนันโต๊ะเด็งสารภาพให้ได้ เมื่อไม่สามารถก็ส่งมากรุงเทพ โดยขณะที่อยู่บนเครื่องบิน พล.ต.ต.ภานุพงศ์ และพรรคพวกได้ซ้อมกำนันโต๊ะเด็งอย่างรุนแรงเกินเหตุ ก่อนที่จะส่งเรือนจำพิเศษสันติบาล และต่อมากก็ซ้อมผู้ต้องหาทุกคนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเอาความเชื่อทางศาสนามาใช้ขมขู่ ด้วยการการเอาเหล้ามากรอกปากผู้ต้องหา ซึ่งถือว่าเป็นเหยีดหยามคนมุสลิมอย่างรุนแรงที่สุด
หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ยังซ้อมไปเรื่อยๆ จน 12 มี.ค.2547 นายสมชาย นีละไพจิตร เริ่มรู้เบาะแส และได้พยายามเข้าหาผู้ต้องหาเพื่อทราบข้อมูลอื่นๆ และจะได้รู้ว่ามีการซ้อมอีกหรือเปล่า จนเป็นเหตุให้ถูกอุ้มหายไป
“เหตุการณ์ที่นายสมชายถูกอุ้มหายไป ทำให้พี่น้องมุสลิมในภาคใต้และทั่วโลกยอมรับไม่ได้ จนเกิดเรื่องบานปลายขึ้นมา”
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาส่วนหนึ่งในคำร้องของดีเอสไอ พบว่า วันที่ 13 มี.ค.47 พล.ต.ต.ภานุพงศ์ ได้เข้าไปพบคนกลุ่มนี้ พร้อมขู่ว่า “มึงต้องการเป็นแบบทนายสมชายไหม เพราะตอนนี้ทนายสมชายไปหาอัลเลาะห์แล้ว และมึงก็กำลังจะไปด้วยเช่นกัน”
“นี่คือเรื่องจริงของคนที่ออกมาลอยหน้าลอยตาขึ้นเป็นรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ผมนำมาประจานเพื่อให้พี่น้องไปศึกษาต่อ โดยกำนันโต๊ะเด็งและพวกได้ยื่นฟ้องดีเอสไอ และเห็นว่าข้อกล่าวหานี้เป็นเรื่องจริงจึงได้ลงมติให้ ป.ป.ช.ทำต่อ บังเอิญ ป.ป.ช.ยุคปลายรัฐบาล พล.อ.สรยุทธ์มีเรื่องอื่นเข้ามา ทำให้เรื่องนี้ช้าไป”
ดร.ภูวดล กล่าวว่า คำร้องเรียนเหล่านี้ สามารถนำไปศึกษาเพิ่มเติมต่อได้แต่ไม่มีใครทำ พี่น้องจำไว้ว่านี่เป็นคดีอาญา อายุความ 20 ปี ตอนนี้คุณมีอำนาจไม่เป็นไร แต่ขอให้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ ได้ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 7 วัน และก็ส่งให้อัยการฟ้องศาลคดีอาญาได้ทุกคน และอาจมีคนโดนจำคุกตลอดชีวิตเพราะมีส่วนพัวพันคดีทนายสมชาย
“ประเทศนี้ไม่ต้องการให้ใครเหยียดหยามใคร สิทธิในการเป็นอยู่เท่าเทียมกัน แต่ประเทศนี้จะดีขึ้นได้จะต้องปรับเปลี่ยนคนชั่วเหล่านี้ออกไป เราต้องร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ได้” ศ.ดร.ภูวดลกล่าว