ยะลา - โฆษก ทบ.ยืนยันค่ายที่ยึดได้บนเทือกเขาตะเว เป็นค่ายใหญ่ที่มีก่อนการปล้นปืนที่นราธิวาสพบหลักฐานสามารถหาตัวผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลังได้ในเร็วๆ นี้
พ.อ.อัคร ทิพย์โรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงกองกำลังทหารพราน 45 ตรวจยึดค่ายใหญ่ของขบวนการกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่บนเทือกเขาตะเว จ.นราธิวาส ว่าจากการตรวจสอบพบว่าเป็นค่ายที่ตั้งขึ้นมาก่อนมีการปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อต้นปี 2547 เพราะพบรูปถ่ายบางรูปถ่ายเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 ซึ่งบ่งบอกถึงใช้เป็นที่ตั้งในการวางแผนปล้นปืน การฝึกพัฒนากำลัง และหลบซ่อนตัวในการติดตามของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบค่ายบริวาร ที่อยู่รอบๆ ค่ายใหญ่อีก 4-5 ค่าย ซึ่งเชื่อว่าเป็นเชื่อมโยงในการติดต่อประสานการปฏิบัติกันระหว่างค่ายย่อยกับค่ายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบถึงการเกี่ยวโยงกับบุคคลในพื้นราบที่เคยถูกจับกุม หรือถูกเชิญตัวไป โดยนำหลักฐานดังกล่าวมาประมวลในการติดตามหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับใหญ่มาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ และหากมีการทลายค่ายที่ใช้เป็นที่พักพิง ใช้เป็นที่ฝึกทบทวนได้จะทำให้การตัดตอนวงจรการทำงานของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ ทำให้ศักยภาพในการปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบลดน้อยลง ที่สำคัญคนที่อยู่เบื้องหลังจะถูกกระชากหน้ากากออกมาให้ประชาชนได้เห็นและรับรู้ด้วย
พ.อ.อัคร ยังกล่าวอีกว่า จากการประมวลแล้วน่าจะมีค่ายในลักษณะดังกล่าวอยู่อีกหลายที่ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่จะเข้าไปถึงเมื่อไรอย่างไร ต้องประมวลการข่าวจากแกนนำ หรือแนวร่วมที่ถูกจับกุมหรือถูกเชิญตัวมาประกอบการขยายผลด้วย ที่สำคัญต้องจับกุมนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ก่อนจึงจะทำให้แกนนำ หรือผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัย กล้าที่จะให้การที่เป็นความจริงกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ทันที ผนวกกับงานด้านการข่าว 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ต้องได้ข้อมูลที่ตรงกันก็จะสามารถค้นหาแหล่งพักพิงหรือค่ายใหญ่ได้ด้วย
พ.อ.อัคร ทิพย์โรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงกองกำลังทหารพราน 45 ตรวจยึดค่ายใหญ่ของขบวนการกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่บนเทือกเขาตะเว จ.นราธิวาส ว่าจากการตรวจสอบพบว่าเป็นค่ายที่ตั้งขึ้นมาก่อนมีการปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อต้นปี 2547 เพราะพบรูปถ่ายบางรูปถ่ายเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 ซึ่งบ่งบอกถึงใช้เป็นที่ตั้งในการวางแผนปล้นปืน การฝึกพัฒนากำลัง และหลบซ่อนตัวในการติดตามของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบค่ายบริวาร ที่อยู่รอบๆ ค่ายใหญ่อีก 4-5 ค่าย ซึ่งเชื่อว่าเป็นเชื่อมโยงในการติดต่อประสานการปฏิบัติกันระหว่างค่ายย่อยกับค่ายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบถึงการเกี่ยวโยงกับบุคคลในพื้นราบที่เคยถูกจับกุม หรือถูกเชิญตัวไป โดยนำหลักฐานดังกล่าวมาประมวลในการติดตามหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับใหญ่มาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ และหากมีการทลายค่ายที่ใช้เป็นที่พักพิง ใช้เป็นที่ฝึกทบทวนได้จะทำให้การตัดตอนวงจรการทำงานของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ ทำให้ศักยภาพในการปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบลดน้อยลง ที่สำคัญคนที่อยู่เบื้องหลังจะถูกกระชากหน้ากากออกมาให้ประชาชนได้เห็นและรับรู้ด้วย
พ.อ.อัคร ยังกล่าวอีกว่า จากการประมวลแล้วน่าจะมีค่ายในลักษณะดังกล่าวอยู่อีกหลายที่ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่จะเข้าไปถึงเมื่อไรอย่างไร ต้องประมวลการข่าวจากแกนนำ หรือแนวร่วมที่ถูกจับกุมหรือถูกเชิญตัวมาประกอบการขยายผลด้วย ที่สำคัญต้องจับกุมนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ก่อนจึงจะทำให้แกนนำ หรือผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัย กล้าที่จะให้การที่เป็นความจริงกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ทันที ผนวกกับงานด้านการข่าว 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ต้องได้ข้อมูลที่ตรงกันก็จะสามารถค้นหาแหล่งพักพิงหรือค่ายใหญ่ได้ด้วย
