“พลังแม้ว” ผวาข่าวพรรคแตก โฆษกฯ เปิดแถลงยังเป็นเอกภาพ ชี้เป็นเอกสิทธิ์กลุ่มอีสานพัฒนา ยื่น ป.ป.ช.สอบคนใกล้ชิดนายกฯ แต่ควรจะคุยกันก่อน อ้างแค่เอาข้อมูลฝ่ายค้านมาพูด ยังขาดน้ำหนัก โบ้ยข่าว “แก๊งออฟโฟร์” แค่จินตนาการ กลบความผิดหวังของคนที่ไม่ได้ตำแหน่ง พร้อมยืนยันไม่มีสมาชิกแยกตัว อ้าง ไม่มีใครกล้าไป ปชป.เพราะกลัวสอบตก
วันนี้ (6 ส.ค.) ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวยืนยันว่า พรรคพลังประชาชนยังมีความเป็นเอกภาพภายในพรรค แม้จะมีสมาชิกบางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตนยืนยันว่า การปรับ ครม.ดังกล่าวถือเป็นมติพรรคที่มอบอำนาจให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นหัวหน้าตัดสินใจ ซึ่งผลออกมาอย่างไร เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องรับผิดชอบ และการยอมรับ ครม.ชุดใหม่เป็นเรื่องของประชาชนที่ต้องติดตามการทำงานของ ครม.ต่อไป ในส่วนพรรคเองก็ต้องยอมรับว่าข่าวที่ออกมาเกิดจากการที่ไม่ได้พูดคุยกันภายในพรรค จึงทำให้บางเรื่องเกิดความสับสน ซึ่งขณะนี้เมื่อพูดคุยแล้วก็เป็นที่เข้าใจตรงกันว่า เราต้องให้นายกฯ เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อนำประเทศผ่าวิกฤตไปให้ได้
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการตั้งทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า การวิจารณ์อาจทำให้ผู้ที่อาสาเข้ามาท้อถอย แต่ปัญหาเกิดจากข้อจำกัดทางกฎหมายที่ออกมาปิดกั้นคนที่มีความรู้ ความสามารถได้มาทำงานอย่างเต็มที แต่สถานการณ์ปัจจุบันเราต้องการคนที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของสังคมเข้ามาทำงาน แต่เมื่อมีข้อจำกัดดังกล่าว การจะทำได้ คือ ให้เป็นที่ปรึกษาและมีอำนาจในระดับหนึ่ง ซึ่งเราควรจะถือว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้เสียสละ ก็ควรให้กำลังใจ เราไม่ควรตั้งสมมุติฐานว่าบุคคลเหล่านี้เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ หรือมีส่วนได้เสีย ถ้ามองแบบนั้นถือว่ามองในแง่ลบเกินไป ไม่อย่างนั้นประเทศจะเดินหน้าไปไม่ได้
ส่วนกรณีที่ นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด กลุ่มอีสานพัฒนา ที่ออกมาเปิดโปงข้อมูลทุจริตของคนใกล้ชิดนายกฯ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า การที่ ส.ส.จะดำเนินการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ตนคิดว่า ควรจะมีการพูดคุยในที่ประชุมพรรค ซึ่งเบื้องต้นเท่าที่ได้พูดคุยกันยังไม่ข้อมูลอะไร ยืนยันได้ว่าเป็นไปตามที่นำมาพูดกัน แต่ถ้าสมาชิกมีหลักฐานจริงพรรคก็ไม่ห้าม เพราะเราไม่มีการปิดกั้น
“การปรับ ครม.ทุกครั้งเราควรสร้างวัฒนธรรม องค์กรให้มีความสงบเรียบร้อย แต่ยอมรับว่า ทุกครั้งที่มีการปรับครม.ไม่ว่ายุคใด ก็จะมีผลตามมาลักษณะนี้ ซึ่งอาจถูกมองว่า เป็นเพราะไม่พอใจเรื่องตำแหน่ง แต่ความจริงอาจจะถูกมองว่าการออกมาเปิดเผยหลังปรับ ครม.เป็นเพราะผิดหวังหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักของข้อมูลลดน้อยลง
โครงการเช่ารถเมล์ 6,000 คันก็ได้ข้อมูลจากการพูดคุยกับฝ้ายค้าน เราก็มีตรวจสอบภายในประเด็นที่ถูกกล่าวหา แต่จะเห็นได้ว่าโครงการนี้ยังไม่ความคืบหน้าในเรื่องของผลประโยชน์ ความเป็นเอกภาพของพรรคจะต้องรักษาไว้ และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เราไม่สกัดกั้นสมาชิกในการตรวจสอบเรื่องใด ถ้ามีข้อมูลจริงเราก็เคารพ แต่วันนี้ยังไม่เห็นข้อมูลพอเชื่อได้ว่ามีการดำเนินการเช่นนั้น” ร.ท.กุเทพ กล่าว
ร.ท.กุเทพ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการพูดถึงแก๊ง 4 คน หรือ แก๊งออฟโฟร์ ที่มีอิทธิพลในการปรับ ครม.ครั้งนี้ ว่า เป็นเรื่องที่จินตนาการและการตั้งสมมุติฐานล้วนๆ เพื่อหาเหตุผลมารองรับคำอธิบายของตัวเอง ระบบของพรรคจะมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้จัดการ วันนี้มีความพยายามโยงใยไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถึงความไม่พอใจหรือไม่ ซึ่งในความจริงท่านได้วางมือทางการเมือง และได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เกี่ยวข้องในเรื่องต่างๆ การดึงท่านมาเกี่ยวโยงด้วยทำให้เกิดความเสียหาย คนที่รักพ.ต.ท.ทักษิณ จริงๆ ทำไมต้องดึงมาเกี่ยวข้องทางการเมือง หรือดึงมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ในทางการเมืองควรปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ วางมืออย่างแท้จริง แต่เรื่องความรู้สึก เช่น การเข้าไปกล่าวอวยพรในวันเกิด เป็นเรื่องที่เราควรทำ เพราะถือเป็นผู้มีบุญคุณพรรค เป็นเรื่องความกตัญญูรู้คุณ แต่ไม่ควรดึงมาเกี่ยวข้องทุกกรณี
“วันนี้พรรคพลังประชาชนยังยึดยุทธศาสตร์จับมือกันเดิน ข่าวที่ว่าจะมีการแยกกลุ่มไปตั้งพรรคใหม่เป็นเพียงสมมุติฐาน เพราะในข้อเท็จจริงต้องยอมรับว่าไม่มี ส.ส.อีสานคนไหนที่กล้าไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นไปได้ยากที่จะชนะการเลือกตั้ง โดย ส.ส.ทุกคนก็รู้ดี ยุทธศาสตร์เดิมที่เราจับมือเดินไปด้วยกันก็พิสูจน์มาแล้ว จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้ามีการแยกกันก็จะเข้าทางคนที่ต้องการทำลาย พรรคพลังประชาชน ซึ่งตรงกับยุทธศาสตร์ของเขาที่ต้องการสลายพวกเรา ทางการเมืองอาจไม่เข้าใจกัน แต่พอมาถึงจุดหนึ่งก็ต้องร่วมมือกัน ยังมีเวลาอีกพอสมควร เรื่องนี้ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย”
ส่วนกรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ กลับมาดำรงหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินอีกครั้ง ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคพลังประชาชนไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล ส่วนเรื่องที่นายสุวิทย์ อ้างว่านายกฯไล่ให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่มีใครเข้าร่วมรับฟัง อาจเป็นเพียงการกล่าวอ้าง เพื่อให้สมาชิกเห็นว่าทำไมถึงต้องถอนตัว แต่ตนเชื่อว่านายกฯ เป็นผู้ใหญ่พอ เพราะที่ผ่านมานายกฯ ย้ำกับสมาชิกพรรคพลังประชาชนเสมอว่าให้เห็นใจ และบางครั้งถึงกับสลับตำแหน่งให้