“สาธิต” ตำหนินายกไม่รู้จักลำดับความสำคัญ ตะแบงร่ายกลอนสอนภาษาไทยผ่านทีวี จี้ปรับ “เฉลิม” พ้น ครม. ชี้เป็นต้นเหตุสร้างความขัดแย้งในสังคม เรียกร้องให้หาคนรับผิดชอบเหตุผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ถูกทำร้าย
วันนี้ (27 ก.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกชมรมคนรักอุดรทำร้ายร่างกายว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ยังไม่พบว่ามีการสั่งการจากผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่จากการที่ติดตามในรายการสนทนาประสาสมัคร ยังไม่มีการพูดในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีทำตัวนิ่ง ทำเหมือนไม่รู้เรื่องดังกล่าว การทำตัวนิ่งเช่นนี้อดคิดไม่ได้ว่า เป็นการสนับสนุนหรือเห็นชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบันทึกอย่างชัดเจนว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง อย่างน้อยคนที่ถูกเอ่ยถึง คือ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร
นายสาธิต กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งนายกฯ รมว.มหาดไทยต้องรับผิดชอบ โดยนำกฎหมายกลับเข้าสู่ประเทศ และเอากฎหมู่คืนรัฐบาลนี้ไป นอกจากนี้ ในส่วน รมว.มหาดไทย ที่ขึ้นเวทีที่เชียงราย และได้พูดว่าเอาพันธมิตรฯ คืนไปเอาทักษิณคืนมา เป็นที่ชัดเจนว่าคือคำพูดที่สร้างความขัดแย้งทางด้านการเมือง จึงอยากให้ รมว.มหาดไทย รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ การชุมนุมของประชาชนเป็นการชุมนุมโดยเปิดเผย ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่การไปชุมนุมของกลุ่มต่อต้านที่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายนั้นก็จะสอดคล้องกับการทำนายของคนบางคนที่กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ใกล้เคียงกับพฤษภาทมิฬ และ 14 ตุลา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็เคยผ่านทั้งสองเหตุการณ์ และรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลจำนวน 3 ข้อ 1.รัฐบาลต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ 2.ปรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกจาก ครม.ไป เพราะเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และ 3.พรรคร่วมรัฐบาลต้องแสดงความคิดเห็นทั้งข้อกฎหมายและการปรับ ครม.เพื่อให้รัฐบาลและนายสมัคร สุนทรเวช ได้คิดและวิเคราะห์ในขอเสนอแนะดังกล่าวนี้ด้วย นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้ทางตำรวจไทยทั้งประเทศได้แสดงจุดยืนและเรียกศักดิ์ศรีของตำรวจไทยกลับคืนมา ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบการกระทำผิดที่ไหนก็ขอให้ทำตามหน้าที่ทันทีโดยไม่ต้องรอการส่งสัญญาณของรัฐ
นายสาธิต กล่าวว่า ในรายการสนทนาประสาสมัคร นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดถึงเรื่องความขัดแย้งหรือเหตุการณ์ประชาชนถูกทำร้าย คนที่เป็นนายกฯ ของประเทศถ้าจะใช้เวลาพูดเรื่องภาษาไทย ไม่มีใครว่า แต่ต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพราะแทนที่นายกฯ จะพูดถึงปัญหาที่ดำรงคงอยู่และก่อให้เกิดปัญหาให้แก่ประเทศ กลับไม่ทำถือว่านายกฯ เป็นคนไม่รู้จักเวลา ไม่จัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหา ถ้าทำอย่างนี้น่าจะไปเป็นครูสอนภาษาไทยมากกว่าเป็นนายกฯ