เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ “ทางออกฝ่าวิกฤตการเมือง” ชี้ ปชช.หวั่นไทยเข้ายุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ร้อยละ 92.4 ระบุควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันเห็นว่าผู้มีอำนาจและปชช.ต้องรักและสามัคคีกัน พร้อมยึด กม.บ้านเมืองประเทศถึงจะพ้นวิกฤต
วันนี้ (27 ก.ค.) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ทางออกฝ่าวิกฤตการเมืองในความคิดเห็นของสาธารณชน กรณีศึกษาตัวอย่างผู้สิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล ว่า การสำรวจครั้งได้ทำการสุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 2,448 ตัวอย่าง จากผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 80 ติดตามข่าวสารทางการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
เมื่อสอบถามถึงระดับความกังวลว่า ความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองจะทำให้ประชาชนเข้าสู่สภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนมากน้อยเพียงใดนั้น จากผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.3 รู้สึกกังวลมาก และเมื่อถามว่า ควรทำอย่างไรต่อคดีความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 92.4 เห็นว่า ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ในขณะที่ร้อยละ 4.5 เห็นว่า ฝ่ายการเมืองควรทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขปัญหา และมีเพียงร้อยละ 3.1 เท่านั้นที่เห็นว่าควรมีการยึดอำนาจ
สำหรับสิ่งที่สาธารณชนเห็นว่า ผู้มีอำนาจและประชาชนทั่วไปควรช่วยกันทำทำเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 93.7 เห็นว่า ต้องมีความรักและสามัคคี และร้อยละ 91.8 เห็นว่าควรยึดมั่นในกติกากฏหมายในกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยดังกล่าว นายนพดลเห็นว่า ขณะนี้สาธารณชนกำลังกังวลว่าบ้านเมืองเข้าสู่สภาพบ้านป่าเมืองเถื่อน ในขณะเดียวกันยังคงไว้ใจต่อกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องให้คนไทยมีความรักและสามัคคี ยึดมั่นในกติกา และมีความรักชาติ
วันนี้ (27 ก.ค.) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ทางออกฝ่าวิกฤตการเมืองในความคิดเห็นของสาธารณชน กรณีศึกษาตัวอย่างผู้สิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล ว่า การสำรวจครั้งได้ทำการสุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 2,448 ตัวอย่าง จากผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 80 ติดตามข่าวสารทางการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
เมื่อสอบถามถึงระดับความกังวลว่า ความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองจะทำให้ประชาชนเข้าสู่สภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนมากน้อยเพียงใดนั้น จากผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.3 รู้สึกกังวลมาก และเมื่อถามว่า ควรทำอย่างไรต่อคดีความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 92.4 เห็นว่า ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ในขณะที่ร้อยละ 4.5 เห็นว่า ฝ่ายการเมืองควรทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขปัญหา และมีเพียงร้อยละ 3.1 เท่านั้นที่เห็นว่าควรมีการยึดอำนาจ
สำหรับสิ่งที่สาธารณชนเห็นว่า ผู้มีอำนาจและประชาชนทั่วไปควรช่วยกันทำทำเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 93.7 เห็นว่า ต้องมีความรักและสามัคคี และร้อยละ 91.8 เห็นว่าควรยึดมั่นในกติกากฏหมายในกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยดังกล่าว นายนพดลเห็นว่า ขณะนี้สาธารณชนกำลังกังวลว่าบ้านเมืองเข้าสู่สภาพบ้านป่าเมืองเถื่อน ในขณะเดียวกันยังคงไว้ใจต่อกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องให้คนไทยมีความรักและสามัคคี ยึดมั่นในกติกา และมีความรักชาติ
