“โฆษกรัฐฯ” สุดด้านโดดป้อง “รัฐตำรวจ” กำลังน้อย-ไร้ทางต้าน ป้ายผิด “ยุทธการดาวกระจาย” เป็นชนวนเหตุยั่วยุให้ “ม็อบถ่อย” แสดงความป่าเถื่อน-ควง “อาวุธ” ไล่ฆ่าชาวอุดรฯ ผวาหนักแค่เผยแพร่ “เอเอสทีวี” ไปทั่วโลกก็เพียงพอแล้ว ก่อนหลุดปากรายการ “ความจริงวันนี้” เป็นของรัฐ
วันนี้ (26 ก.ค.) พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยกรมประชาสัมพันธ์ ถึงยุทธศาสตร์ดาวกระจายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนมีการไล่ทำร้ายกันในประเทศไทยว่า โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กับพวกได้ใช้ยุทธการดาวกระจายไปในจังหวัดต่างๆ ความจริงเราต้องยอมรับว่าความคิดเห็นทางการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้วใหญ่ ดังนั้น การที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของแต่ละคนให้มาเห็นคล้อยตามกันนั้น เป็นเรื่องยาก
“ที่สำคัญการที่ฝ่าย พล.ต.จำลอง กับพวกใช้เอเอสทีวีกระจายเสียงออกไป ท่านเชื่อไหมว่าประชาชนบริโภคข่าวของเอเอสทีวีมากกว่าช่องอื่นๆ เพราะว่าเอเอสทีวีกระจายเสียงตลอด 24 ชม. และส่งไปทั่วโลกโดยระบบดาวเทียม เพราะฉะนั้น เพียงเท่านี้ประชาชนทุกจังหวัดอาจจะเรียกว่าทุกตำบล และทุกอำเภอ ก็ได้รับทราบข่าวสารข้อมูลของฝ่ายพล.ต.จำลอง กับพวกอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องส่งดาวกระจายออกไปตั้งเวที แล้วก็ไปกล่าวโจมตีรัฐบาล หรือกล่าวให้ร้ายกับบุคคลที่เขาไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ในเวทีใดๆ เลย เพราะฉะนั้น นอกจากข่าวเอเอสทีวีจะกระจายไปทั่วประเทศ แล้วยังกระจายไปทั่วโลกด้วย ทำความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจระบบสังคมระบบการท่องเที่ยวต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร” พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องส่งคนออกไปชี้แจง หรือออกไปตั้งเวทีที่ต่างจังหวัดอีก เพราะมันเป็นการยั่วยุคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ฉะนั้นในเวลานี้ จึงอยากมองเห็นภาพระบบการเมืองของประเทศไทยเป็นระบบประชาธิปไตยโดยปกติ เพราะตนไม่แน่ใจว่าเป็นระบบอะไรกันแน่ ซึ่งที่เรียนมาก็ไม่มีในตำรา แถมอาจารย์รัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยที่มีชื่อแห่งหนึ่ง บอกว่า พลิกตำราไม่ทันว่ารัฐศาสตร์ประเทศไทยใช้ระบบอย่างไรกัน
“ตำรวจไม่เคยที่จะเข้าไปสลายม๊อบ มีแต่ม๊อบมาสลายตำรวจอยู่เป็นประจำ อย่างครั้งที่แล้วที่เกิดขึ้นที่อุดรธานี การที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ พยายามจะฝ่าด่านตำรวจเข้าไป ซึ่งตำรวจทุกหนทุกแห่งที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว และไม่เคยสมดุลกับฝ่ายที่จะมาต่อต้านเลย ฉะนั้นการที่ฝ่าด่านตำรวจเข้าไปทำลายเวทีของทางฝ่ายพันธมิตรฯ เรื่องนี้ถึงแม้ว่าทางตำรวจจะพยายามป้องกันอย่างไรก็ตาม ไม่สามารถสู้กับกระแสของคนที่มีจำนวนมากกว่าได้อยู่แล้ว ถ้าจะไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกัน หรือไม่ต้องการให้มีคนเจ็บ คนตาย ก็อย่าส่งคนไปปะทะกับเขาเลย ต่างคนต่างอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง แล้วจะมีการอภิปราย หรือจะมีการกล่าวอะไร โอกาสก็เปิดอยู่แล้ว” โฆษกรัฐบาล กล่าว
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าฟังข่าวที่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.ก็คาดโทษกับทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ให้ดูแลให้เรียบร้อย ตนคิดว่าแทนที่ตำรวจจะเอาเวลาไปดูแลประชาชนในเรื่องการทำมาหากิน การจราจร การป้องกันทรัพย์สินชีวิตร่างกายโจรผู้ร้ายไม่ให้เข้าไปปล้น ไม่ให้ไปฆ่า ไม่ให้ไปทำอย่างอื่น ก็ต้องมาดูแลเรื่องม๊อบไม่ให้ปะทะกัน จึงอยากจะฝากว่า ขณะนี้รัฐบาลก็พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ อยู่ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาปะทะกันถึงจังหวัดต่างๆ แค่เอเอสทีวีก็กระจายเสียงไปทั่วประเทศก็พอแล้ว ถึงแม้ว่ารายการของรัฐบาลเองจะพยายามจะชี้แจงอะไรต่างๆ ก็ยังได้เวลาไม่เท่ากันกับที่เอเอสทีวีเลย จึงอยากจะฝากไว้ว่า อย่าให้เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นอีก โดยการที่ไม่ส่งคนเข้าไปเพื่อที่จะสร้างปัญหาในพื้นที่
ด้าน นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกกล่าวว่า รายการที่โฆษกพูดถึงนั้นตนเข้าใจว่าเป็นรายการ “รายการความจริงวันนี้” ซึ่งก็ต้องขอเรียนให้เทราบว่า ตรงนี้ไม่เกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้เป็นรายการของรัฐบาล แต่เป็นรายการของเอกชน ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกฯ ไปร่วมดำเนินรายการดังกล่าวนั้น เป็นเพียงไปร่วมรายการ ซึ่งตนและโฆษกฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“ไม่สบายใจที่เห็นประชาชนปะทะกันที่ จ.อุดรธานี จนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง โดยมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นผู้วางแผน และอยู่เบื้องหลัง ซึ่งฟังแล้วก็ไม่สบายใจ เพราะจริงๆ แล้ว คงไม่มีใครอยากให้มีความรุนแรงอย่างนี้เกิดขึ้น ส่วนการชุมนุมใดๆ นั้น ถ้าหากว่ามีการชุมนุมกันแล้วใช้วาจาก็ยังพอทนได้ แต่ถ้าถึงขนาดลงไม้ลงมือกันก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งขอให้ตำรวจได้เร่งรัดดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายต่อไป” นางสาวศุภรัตน์ กล่าว