ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ จี้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คุ้ยเอาผิดตัวการใหญ่ เบื้องหลัง “ดา ตอร์ปิโด” หมิ่นเบื้องสูง เผยท่าทีกองทัพสุดเท่ กล้างัดข้อกับหุ่นเชิด ระบุเริ่มฉลาดพอที่จะเอาการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ไปบีบรัฐบาลในบางมุม จวกรัฐสุดโง่เขลาปล่อยแกนนำ นปก.จ้อตอบโต้พันธมิตรฯ รายวัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ (22 ก.ค.) เวลา 00.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยโดยเห็นด้วยกับท่าทีของกองทัพไทย กรณียังคงตรึงกำลังทหารบริเวณพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร ต่อด้วยการจี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ ต่อ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด เป็นนัยเชิงบวกกับพันธมิตรฯ
นายสุริยะใส กล่าวว่า ท่าทีของกองทัพที่เคยนิ่งเฉยพยายามรักษาสถานภาพเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าข้างพันธมิตรฯ ในขณะเดียวกันก็พยายามจะทำให้สาธารณะเห็นว่ากองทัพไม่ใช่ลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่บุคลิกสองครั้งที่กล่าวมาข้างต้นชี้ให้เห็นว่ากองทัพเริ่มงัดข้อกับรัฐบาลแรงขึ้นตามลำดับ ภาษาการเมืองเรียกว่า ตบหน้ารัฐบาลอย่างแรง
ทั้งนี้ นายสุริยะใส เชื่อว่า ทั้งคดีของ ดา ตอร์ปิโด และนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นเพียงแค่เบี้ยหมากหนึ่งในกระดานระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณสรุปมาตั้งแต่เรืองอำนาจ อำมาตยาธิปไตยเป็นปัญหาต่อแผ่นดิน และการพัฒนาประเทศ ซึ่งหากอ่านจากความคิดของนายจักรภพโดยไม่ลงรายละเอียด ก็โจมตีระบอบอำมาตยาธิปไตยอย่างชัดเจน ส่วนคดีของดา ตอร์ปิโด หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่ดำเนินคดี แต่ต้องตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันก็ต้องหาตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการจ้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ระบอบทักษิณจะทำทุกวิธีทางเพื่อเข้าแทรกแซงโผบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี เนื่องจากการโยกย้ายในปีนี้ต่างจากการโยกย้ายในทุกปีที่ผ่านมา เพราะหมายถึงผลแพ้ชนะของรัฐบาลชุดต่อไป ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีรัฐบาลชุดนี้กำลังจะไปไม่รอด ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้งานรัฐบาลชุดนี้เท่าที่จะใช้งานได้อยู่ การล้วงจากฝ่ายการเมืองเพื่อร่วมจัดโผทหารจะรุนแรงมากขึ้น ระบอบทักษิณจะพยายามเอาคนของตัวเองเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญๆ ให้ได้
“การจัดโผทหารจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นสูง ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะไม่พอใจหากฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนจึงหวั่นเกรงความขัดแย้งครั้งนี้อาจนำไปสู่ การปฏิวัติรัฐประหารในท้ายที่สุด ดังนั้น ระบอบทักษิณจึงต้องส่งคนของตัวเองเข้าไปคุมกำลังในกองทัพทั้งหมด ป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นซ้ำสองอีก” นายสุริยะใส กล่าว
นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังมองว่า หากไม่มีการชุมนุมของพันธมิตรฯกองทัพก็จะเล่นบทเพลย์เซฟ ไม่จำเป็นก็ไม่ไปทะเลาะฝ่ายการเมือง หวั่นกระทบกับตำแหน่ง ข้าราชการวนสถานการณ์ปกติไม่มีใครลุกขึ้นมาแข็งขืนกับอำนาจรัฐ แต่ทันทีที่พันธมิตรฯ ชุมนุม หน่วยงานรัฐเริ่มแสดงอากัปกิริยาดื้อเพ่งกับรัฐบาล เช่นเดียวกับกองทัพที่ใช้ประโยชน์การชุมนุมของพันธมิตรฯ
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า กองทัพเริ่มฉลาดพอที่จะเอาการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ไปบีบรัฐบาลในบางมุม ซึ่งความจริงควรจะเล่นบทนี้นานแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพันธมิตรฯ ก็จะไม่ยอมให้การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เป็นเครื่องมือสร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่หากเป็นผลประโยชน์ของชาติ พันธมิตรฯ ก็ไม่ขัดข้อง
ในช่วงท้าย นายสุริยะใสยังกล่าวถึงการใช้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีตอบโต้พันธมิตรฯ โดยเฉพาะการนำอดีตแกนนำ นปก.มาจัดรายการแทนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่า รัฐบาลพยายามบิดเบือนข้อเท็จ ป้ายสีองค์กรที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลชุดนี้ เกมแบบนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด รัฐบาลกำลังเอาน้ำมันราดเข้ากองไฟ เป็นการแสดงออกให้เห็นถึงความโง่เขลาทางการเมืองมาก รัฐบาลขาลงชอบเล่นกับไฟ อยู่ดีไม่ว่าดี ยิ่งพูดยิ่งเห็นธาตุแท้ของรัฐบาลหุ่นเชิดเข้าไปทุกวัน