เปิดหนังสือ 2 ฉบับ ตอกหน้า “หมัก” สำนักราชเลขาธิการ ระบุชัด ป.ป.ช.ได้รับการแต่งตั้งมาถูกต้องทุกประการ “มาร์ค” แนะ “หมัก” การเป็นนักการเมืองต้องหนักแน่น ยอมรับกติกา อย่าลนลาน พาลคิดว่าทุกคนจ้องล้มรัฐบาล ระบุ ถ้ามีหลักฐานแผนการจ้องล้มรัฐบาลให้นำออกมาแสดง และจัดการตามกฎหมาย
กรณที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวหาในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า การแต่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีการนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้โปรดเกล้าฯ แม้มีการส่งไปกราบบังคมทูล ก็ไม่โปรดเกล้าฯ และได้มีกลุ่ม นปก.นำโดยนางประทีป อึ้งทรงธรรม ไปแสดงตนต่อประธานวุฒิสภา เพื่อเข้าชื่อถอดถอน ป.ป.ช.ออกจากตำแหน่งนั้น
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีที่ นางประทีป เตรียมล่าชื่อประชาชน ยื่นถอดถอน ป.ป.ช.และจะมีการนัดชุมนุมเพื่อกดดันให้ ป.ป.ช.ลาออกจากตำแหน่ง ว่า หากจะมาชุมนุมที่ ป.ป.ช.ก็ดี จะได้ชัดเจนไปเลยว่า ขบวนการของท่านที่มามุ่งประสงค์อะไร หากต้องการไม่ให้เราทำงาน ก็จะได้เห็นภาพชัดแจ้ง เหมือนไฟสปอตไลต์ ประชาชนจะได้ใช้วิจารณญาณได้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.ไม่หวั่นไหวอยู่แล้ว ทุกคนยืนยันจะทำหน้าที่ต่อไป แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวุฒิสภา ที่เป็นตัวแทนในกระบวนการถอดถอน จะดำเนินการอย่างไร
นายวิชา กล่าวว่า ที่เรียกร้องให้เราลาออก เราคงลาออกไม่ได้หรอก เพราะเรามาโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญที่รองรับไว้หลังมีการปฏิวัติ ซึ่งหากเราไม่ทำ ก็ถือว่าเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน
“มีคนในกลุ่มนี้หลายคนที่ผมรู้จัก และเคารพนับถือ และช่วยเหลือกันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องให้ช่วยเรื่องมูลนิธิ รวมทั้งเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับสัญชาติสามีตัวเอง” นายวิชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มที่มายื่นถอดถอน ระบุว่า ป.ป.ช.ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มีพฤติการณ์เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งอย่างร้ายแรง นายวิชา กล่าวว่า ทำไมพึ่งมาคิดกันได้ในตอนนี้ พวกตนทำงานกันมา 2 ปีแล้ว ทำไมไม่เห็นออกมาเรียกร้อง คปค.ก็ตั้งมา ทำไมไม่ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ศาลก็ยอมรับ เราก็พอใจในการทำงาน ถ้าองค์กรเราเสื่อม แล้วคดีที่ ป.ป.ช.ส่งไปให้ศาลตัดสิน ก็มีตั้งหลายเรื่อง ท่านเองอาจจะไม่รู้ว่าเราทำคดีใดไปบ้าง เพราะท่านมัวแต่ชุมนุม เลยไม่รู้อะไร
**เปิดหลักฐานตั้ง ป.ป.ช.ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น มีหลักฐานความเห็นจาก “สำนักราชเลขาธิการ” ระบุ การแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย โดยมีหนังสือยืนยัน 2 ฉบับ ฉบับแรก ลงวันที่ 20 ธ.ค.49 ของ นายรองพล เจริญพันธุ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่แจ้งความเห็นของสำนักราชเลขาธิการ แจ้งความเห็นว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีประกาศ ฉบับที่ 19 แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้วนั้น ย่อมถือได้ว่า มีผลสมบูรณ์ที่สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนั้น คณะปฏิรูปการปกครองฯ มีฐานะเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนฉบับที่สอง ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 ของ นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้การนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธาน และกรรมการ ป.ป.ช.
**มาร์คแนะหมักอย่าเล่นนอกกติกา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า อายุรัฐบาลกำลังนับถอยหลังว่า เรื่องนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริง และควรปล่อยให้กระบวนการต่างๆ ทำงานอย่างอิสระโดยทุกคนต้องยอมรับกติกาไม่ควรมองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามจ้องล้มรัฐบาล
"ผมอยากย้ำว่า นายกฯไม่ควรคิดว่า การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องรายการชิมไปบ่นไป ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เป็นการฆ่าท่าน อย่าคิดหวาดระแวงว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจ้องล้มรัฐบาล หรือเห็นทุกกระบวนการเป็นศัตรูไปหมด" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเรื่องสมานฉันท์ แต่ผู้นำรัฐบาลกลับไม่มีท่าทีสมานฉันท์แม้แต่น้อย การที่ฝ่ายค้านได้ทำการตรวจสอบนั้น ทุกอย่างทำตามเหตุและผล รวมถึงพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่ได้ปรารถนาให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง จึงต้องการให้รัฐบาลใช้แนวทางเดียวกันบ้าง แต่การที่นายกฯ มาพูดถึงแผนการต่างๆในรายการสนทนาประสาสมัคร ตนก็ไม่เคยคิดว่ามี แต่ถ้านายกฯ มีหลักฐาน ก็ควรนำออกมาแสดงด้วย ไม่ใช่พูดลอยๆ ถ้ามีหลักฐานจริง หรือมีการกระทำที่ส่อว่าผิดกฎหมายจริง ก็ดำเนินการได้เลย เพราะมีอำนาจในมืออยู่แล้ว
--------------------------------------
หนังสือ ฉบับที่ 1
เรื่อง ขอส่งเรื่องการขอพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติคืน
เรียน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ด่วนมากที่ ปช 0016/221 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549
สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือตามอ้างถึง
ตามที่ได้ขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ขอให้สำนักราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้รับแจ้งความเห็นว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มีประกาศฉบับที่ 19 แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้วนั้น ย่อมถือได้ว่ามีผลสมบูรณ์ที่สามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมายเนื่องจากขณะนั้น คณะปฏิรูปการปกครองฯ มีฐานะเป็น "รัฏฐาธิปัตย์" มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวประกาศหรือคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองต่างๆ ย่อมมีผลบังคับใช้ได้โดยชอบมาตั้งแต่ต้น จึงส่งเรื่องคืนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นชอบให้ส่งเรื่องคืนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และได้ส่งเรื่องคืนมาพร้อมนี้ด้วยแล้ว
ขอแสดงความนับถือ
นายรองพล เจริญพันธุ์
เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
-----------------------
หนังสือ ฉบับที่ 2
เรื่อง การนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานกรรมการและ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สิ่งที่ส่งมาด้วย
1.สำเนาหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช.ที่ ปช 0012.02/098 ลงวันที่ 26 กันยายน 2549
2.สำเนาหนังสือสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด่วนที่สุด ที่ คปค.0002/87 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549
3.สำเนาประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มีหนังสือตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1.สอบถามประเด็นปัญหาประการหนึ่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า เมื่อประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 ได้ดำเนินการตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แล้วก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีการดำเนินการนำความกราบบังคับทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรือไม่ และมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันใด ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มีหนังสือตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2.ชี้แจงว่า การดำเนินการนำความกราบบังคับทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และการมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่งนั้นเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว ควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบด้วยแล้ว
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอเรียนว่า บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19 ดังกล่าวได้ดำเนินการตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แล้ว กล่าวคือ ได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือกรรมการ หรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ หรือตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัทหรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือลูกจ้างของบุคคลใด รวมทั้งเลิกประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใดตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549
จึงเรียนมาเพื่อโปรดนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
1.นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
2.นายกล้านรงค์ จันทิก เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
3.นายใจเด็ด พรไชยา เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
4.นายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
5.ศาสตราจารย์ ภักดี โพธิศิริ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
6.ศาสตราจารย์ เมธี ครองแก้ว เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
7.นายวิชา มหาคุณ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
8.นายวิชัย วิวิตเสวี เป็นกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
9.นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไปด้วยจักขอบคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
นายศราวุธ เมนะเศวต
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ