เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ ปชช.ให้ความสนใจข่าวปราสาทพระวิหารสูงสุด ร้อยละ 98 วิงวอนให้ใช้การเจรจาอย่างสันติวิธีแก้ปัญหา กว่าร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยแก้ รธน.เพื่อพวกพ้อง เชื่อเกิดความวุ่นวายแน่
วันนี้ (20 ก.ค.) สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นของสาธารณชนต่อเรื่องสำคัญของประเทศไทย พบว่า ประชาชนร้อยละ 80 สนใจติดตามข่าวปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร รองลงมาคือ ร้อยละ 75.3 สนใจข่าวเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 66.4 สนใจข่าวเศรษฐกิจ ร้อยละ 61.5 สนใจข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร้อยละ 58.5 สนใจข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร้อยละ 57.1 สนใจข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังพบว่า คนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.9 มองว่า ข่าวเศรษฐกิจเป็นข่าวที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน รองลงมาร้อยละ 54.1 ระบุข่าวปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ร้อยละ 50.2 ระบุข่าวความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 42.6 ระบุข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 38.2 ระบุข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และร้อยละ 31.1 ระบุข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี
เอแบคโพลล์ ยังพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80 อยากส่งกำลังใจไปให้เจ้าหน้าที่และคนที่เกี่ยวข้องในปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองลงมาร้อยละ 44.2 อยากส่งกำลังใจไปให้เจ้าหน้าที่และคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยร้อยละ 98.1 อยากให้ใช้การเจรจาตกลงด้วยสันติวิธีเพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งสองประเทศ
โพลยังกล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล โดยพบว่ามีอยู่ 3 มาตรการที่ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ คือ มาตรการชะลอการปรับค่าก๊าซหุงต้มในครัวเรือน, มาตรการลดค่าไฟฟ้า และมาตรการลดอัตราภาษีน้ำมัน 6 เดือน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มาตรการที่เหลืออีก 3 มาตรการ พบว่าไม่ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายอะไรเลย คือ มาตรการไม่คิดค่าโดยสารรถเมล์ร้อนจำนวน 800 คันในกรุงเทพมหานคร, มาตรการไม่คิดค่าโดยสารรถไฟชั้น 3 ที่ไม่ปรับอากาศ และมาตรการลดค่าน้ำประปาหากใช้ไม่เกิน 60 คิวต่อเดือนตามลำดับ โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ใช้บริการ หรือใช้บริการน้อยมาก และมองว่าเป็นมาตรการระยะสั้น และเกรงว่าหลังจากผ่านไปแล้ว 6 เดือน จะมีภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นกว่าเดิม หากไม่มีมาตรการอื่นๆ มารองรับ
เอแบคโพลล์ ยังสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.1 คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้เป็นการทำไปเพื่อมุ่งประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคล คนส่วนใหญ่ร้อยละ 83.4 คิดว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น เพราะประชาชนมีความเห็นไม่ตรงกัน มีทั้งฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมาก อาจเกิดการปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างอ้างความถูกต้อง
เมื่อสอบถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ผลปรากฏพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.9 ไม่เห็นด้วย เพราะยิ่งแก้ยิ่งทำให้ประเทศวุ่นวาย ตอนนี้ดีอยู่แล้ว แก้ไปเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ เป็นรัฐธรรมนูญที่จะทำให้นักการเมืองน่าเคารพศรัทธามากขึ้น ช่วยสกัดกั้นคนไม่ดีออกจากระบบการเมืองเดิมๆ
วันนี้ (20 ก.ค.) สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นของสาธารณชนต่อเรื่องสำคัญของประเทศไทย พบว่า ประชาชนร้อยละ 80 สนใจติดตามข่าวปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร รองลงมาคือ ร้อยละ 75.3 สนใจข่าวเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 66.4 สนใจข่าวเศรษฐกิจ ร้อยละ 61.5 สนใจข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร้อยละ 58.5 สนใจข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร้อยละ 57.1 สนใจข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังพบว่า คนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.9 มองว่า ข่าวเศรษฐกิจเป็นข่าวที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน รองลงมาร้อยละ 54.1 ระบุข่าวปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ร้อยละ 50.2 ระบุข่าวความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 42.6 ระบุข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 38.2 ระบุข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และร้อยละ 31.1 ระบุข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี
เอแบคโพลล์ ยังพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80 อยากส่งกำลังใจไปให้เจ้าหน้าที่และคนที่เกี่ยวข้องในปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองลงมาร้อยละ 44.2 อยากส่งกำลังใจไปให้เจ้าหน้าที่และคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยร้อยละ 98.1 อยากให้ใช้การเจรจาตกลงด้วยสันติวิธีเพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งสองประเทศ
โพลยังกล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล โดยพบว่ามีอยู่ 3 มาตรการที่ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ คือ มาตรการชะลอการปรับค่าก๊าซหุงต้มในครัวเรือน, มาตรการลดค่าไฟฟ้า และมาตรการลดอัตราภาษีน้ำมัน 6 เดือน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มาตรการที่เหลืออีก 3 มาตรการ พบว่าไม่ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายอะไรเลย คือ มาตรการไม่คิดค่าโดยสารรถเมล์ร้อนจำนวน 800 คันในกรุงเทพมหานคร, มาตรการไม่คิดค่าโดยสารรถไฟชั้น 3 ที่ไม่ปรับอากาศ และมาตรการลดค่าน้ำประปาหากใช้ไม่เกิน 60 คิวต่อเดือนตามลำดับ โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ใช้บริการ หรือใช้บริการน้อยมาก และมองว่าเป็นมาตรการระยะสั้น และเกรงว่าหลังจากผ่านไปแล้ว 6 เดือน จะมีภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นกว่าเดิม หากไม่มีมาตรการอื่นๆ มารองรับ
เอแบคโพลล์ ยังสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 68.1 คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้เป็นการทำไปเพื่อมุ่งประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคล คนส่วนใหญ่ร้อยละ 83.4 คิดว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น เพราะประชาชนมีความเห็นไม่ตรงกัน มีทั้งฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมาก อาจเกิดการปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างอ้างความถูกต้อง
เมื่อสอบถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ผลปรากฏพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.9 ไม่เห็นด้วย เพราะยิ่งแก้ยิ่งทำให้ประเทศวุ่นวาย ตอนนี้ดีอยู่แล้ว แก้ไปเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ เป็นรัฐธรรมนูญที่จะทำให้นักการเมืองน่าเคารพศรัทธามากขึ้น ช่วยสกัดกั้นคนไม่ดีออกจากระบบการเมืองเดิมๆ
