xs
xsm
sm
md
lg

จวกทาสแม้ว หาเหตุโทษ “สมเกียรติ” หวังล้มการชุมนุมพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ พลิกปูมระบอบแม้ว ก่อกำเหนิดด้วยการบูชาทุนนิยมแบบสุดโต่ง ชูประชานิยมมอมเมารากหญ้า เชื่อกำลังเคลื่อนไหวด้วยแผนที่แยบยล ระบุ “สมเกียรติ” กำลังสร้างบทบาทการเมืองใหม่ หวังกระตุกผู้แทนฯ รู้ซึ้งความคิดเห็นของประชาชน จวกแผนล้มพันธมิตรฯ หวังหาเหตุหยุดติการชุมนุม


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย 

วันนี้ (20 ก.ค.) เวลา 00.10 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยว่า เพื่อย้ำให้เห็นถึงขบวนการจ้องล้มการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยล่าสุดมีการเข้าชื่อเพื่อยื่นถอดถอนนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ออกจากตำแหน่ง ส.ส.ป้ายสีด้วยข้อหาหมิ่นเบื้องสูง นัยสำคัญหวังเพียงให้การชุมนุมของพันธมิตรฯ ยุติก่อนวันที่ 12 ส.ค.51 เพราะรัฐบาลรู้ดีว่าหากปล่อยให้การชุมนุมยืดเยื้อลามไปถึงเถือน ส.ค.ทั้งเดือน การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ประสบความสำเร็จ นั่นหมายความว่าการหนีตายของระบอบทักษิณจะจบลง ช่องทางที่เหลือเพียงช่องทางเดียวถูกปิด ดังนั้นจึงอ้างทุกเหตุผลเพื่อล้มการชุมนุมของพันธมิตรฯ

นายสุริยะใส กล่าวว่า นายสมเกียรติกำลังสร้างบทบาทการเมืองแบบใหม่ ทำให้การเมืองในสภาฯ รู้ร้อนรู้หนาวกับการเมืองนอกสภาฯ หลายคนเติบโตจากการต่อสู้ของประชาชน แต่พอเข้าสู่อำนาจก็ทำตัวตีนไม่ติดดิน ไม่รู้จักคำว่ามวลชน ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับชาวบ้าน ห่างเหินกันจนต่อไม่ติด ฉะนั้น เมื่อนายสมเกียรติเติบโตและสู้มากับพันธมิตรฯ นอกจากจะเป็นแกนนำพันธมิตรฯ ก็มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ครั้นถูกกล่าวหาเป็น ส.ส.แล้วมาด่าสภาฯ ก็ต้องถามกลับไปว่า สภาฯแห่งนี้มีหน้าให้วิจารณ์ ประชาชนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ แล้วการวิพากษ์วิจารณ์ที่มีพลังก็เหตุผลและน่าเชื่อถือที่สุดก็ต้องมาจากการวิพากษ์วิจารณ์จากคนในองค์กร

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีที่นายสมเกียรติจะเอาปัญหาความพิกลพิการของระบบรัฐสภามาเปิดเผยต่อประชาชน นัยยะหนึ่งก็ต้องการบอกว่า สภาฯ แห่งนี้ทำงานไม่เข้าที่เข้าทาง ในฐานะสมาชิกของสภาฯ ก็ควรใช้สิทธิ์จะวิพากษ์วิจารณ์ เปิดโปงให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ เหมือนกับการใช้สิทธิ์ยกมือพูดวิพากษ์วิจารณ์ในสภาฯ เช่นกัน พันธมิตรฯ จึงไม่รู้สึกหวั่นไหว หากรัฐบาลจะเปิดเกมรุกด้วยวิธีการเช่นนี้ เพราะในขณะนี้การเผชิญระหว่างพันธมิตรฯ กับระบอบทักษิณ จะเป็นโต้ตอบเปิดประเด็นใหม่วันต่อวัน

นอกจากนี้ นายสุริยะใสยังย้ำเตือนให้เห็นกระบวนการทำงานของระบอบทักษิณในปัจจุบันอีกว่า วันนี้พันธมิตรฯ สู้กับระบอบทักษิณ รัฐบาลหุ่นเชิดเป็นเพียงนายหน้าและตัวแทน เป็นสงครามตัวแทนของระบอบทักษิณ เผชิญกับพันธมิตรฯ ที่มีเป้าหมายใหญ่ในการโค้นล้มระบอบทักษิณ ที่ถูกสถาปนาขึ้นเมื่อปี 2544 ทันทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี มีการออกแบบประเทศไทยใหม่ ภายใต้คำขัวญ คิดใหม่ ทำใหม่ ระบอบนี้มีลักษณะเด่นอยู่ 4 ประการ

ประการแรก คือ อุดมการณ์ของระบอบนี้จะบูชา “ทุนนิยม” แบบสุดโต่ง โดยเฉพาะทุนนิยมเสรีที่ปราศจากความเป็นธรรม ทุนนิยมที่มือใครยาว สาวได้สาวเอา ทุนนิยมที่เชื่อว่ารัฐบาลหรือกลรัฐจะไม่มีศักยภาพพอจะปกครองประเทศได้ ฉะนั้น ต้องเปิดทางให้เอกชนเข้ามาบริหารประเทศแทน พ.ต.ท.ทักษิณ จึงสร้างพิมพ์เขียวขึ้นมาทันที ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 43 แห่ง จัดเป็นบัญชี ก .ข.ก่อน บัญชี ก.เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีผลกำไรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการบินไทย องค์การโทรศัพท์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)

นายสุริยะใส กล่าวว่า สะท้อนให้เห็นว่าอุดมการณ์ของระบอบทักษิณเป็นอุดมการณืที่บูชาทุนนิยมเป็นใหญ่ จะไม่เชื่อมั่นระบบราชการ และความเห็นของประชาชน ดังนั้นจึงแปลกที่โครงสร้างของพรรคไทยรักไทย จึงเป็นโครงแบบบริษัทเอกชน ผุดนโยบายผู้ว่าฯ ซีอีโอ เข้ามาปกครองทั้ง 76 จังหวัด แล้วก็นั่งหัวโต๊ะเป็นเหมือนปรานบริษัท รัฐมนตรีทำตัวเป็นเพียงลูกจ้าง

ประการที่สอง มองประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่อุดมการณ์ทางการเมือง แตกต่างกับพันธมิตรฯ ประชาธิไตย คือ อุดมการณ์ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามชี้ให้เห็นถึงความเด็ดขาดรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเป็นเรื่องเสียเวลา น่ารำคาญ ประเทศเสียโอกาส สู้มอบอำนาจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว ประเทศจะเดินหน้ามากกว่านี้ และในที่สุดก็สามารถเข้าไปกุมอำนาได้ทั้งระบบ ก่อให้เกิดระบอบทักษิณที่แข็งแกร่งในท้ายที่สุด

ประการที่สาม คือ ระบอบทักษิณได้สร้างธุรกิจทางหารเมืองขึ้นมา มีการปรับตัวของกลุ่มธุรกิจผูกขาดขนาดใหญ่มากกว่า 10 ตระกูลเป็นผู้สนับสนุนการเงินให้กับพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น หลายตระกูลส่วลูกหลานไปนั่งเป็นกรรมบริหารพรรค ที่สำคัญไปเป็นรัฐมนตรีก็หลายคน เกิดการกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ กลุ่มทุนที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยจึงอยู่ไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กลุ่มทุนใหญ่ๆ จะถูกกวาดต้อนให้ไปอยู่กับพรรคไทยรักไทย คอยค้ำบัลลังก์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จนถึงกล้าประกาศจะเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 20 ปี กล้าพูดด้วยเพราะเชื่อมั่นว่า พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามไม่มีทุนจะมาสู้ และก็สู้ไม่ได้จริงๆในเวลาต่อมา

ประการที่สี่ คือ นโยบายประชานิยม ที่สร้างทั้งคะนแนทางการเมือง และมวลชนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นเดียวกับ 6 มาตรการ ที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศออกไป ถูกใจชาวบ้านบางส่วน ที่ยังลุ่มหลงอยู่กับการได้มาฟรีโดยไม่สนใจกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ก็ไปโทษคนเหล่านั้นไม่ได้ เพราะบางทีเงินเพียงยี่สิบบาท หนึ่งร้อยบาทมีประโยชน์มหาศาลต่อการเลี้ยงชีพวันต่อวัน จะมองยาวไม่ได้ ดังนั้นจึงถูกหลอกลวงได้ง่าย รู้สึก พ.ต.ท.ทักษิณ เสมือนเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่

นายสุริยะใส กล่าวว่า นโยบายประชานิยมถือเป็นสิ่งที่มีอานุภาพมาก ทำให้ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ วันนี้ในชนบทนโยบายประชานิยมก็ยังแผลงฤทธิ์อยู่ หลายจังหวัดที่พันธมิตรฯ ไปจัดการชุมนุม ยังต้องเหน็ดเหนื่อย รับมือกับคนที่ถูกจัดตั้งมา และคนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ คนพวกนี้พร้อมที่ตายแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ แต่ก็อย่าไปมองคนเหล่านั้นเป็นศัตรู เชื่อว่าเวลาจะพิสูจน์สิ่งที่พันธมิตรฯ สู้ เป็นการสู้ด้วยข้อมูลข่าวสาร ความจริง ที่คนเหล่านั้นไม่เคยเห็น ดังนั้นความแยลยลในสี่ปัจจัยที่ชี้ให้เห็น มันคงยังทำงานอยู่ ใช้การตลาดทางสื่อเป็นเครื่องมือ การตั้งคำถามการตรวจสอบจึงเกิดความลำบากขึ้นทุกวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น