ผบ.ทอ.ตั้งข้อสังเกตเขมรใช้สิทธิอะไรเข้ามาจับกุมคนไทยในพื้นที่พิพาท เตือน ปชช.แนวชายแดนระวังกับระเบิด ด้าน “บิ๊กแป๊ะ” ยกย่อง 3 คนไทยนักรบตัวจริง เข้าใจความรู้สึกกองทัพถูกคำสั่งห้ามเคลื่อนไหว
วันนี้ (16 ก.ค.) หอประชุมกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวถึงกรณีที่เกิดการกระทบกระทั่งบริเวณชายแดนในพื้นที่ทับซ้อนรอบเขาพระวิหารว่า ตนก็เป็นห่วง ถ้าเราทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ การเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย การข้ามแดนอะไรต่างๆ แต่ก็เป็นที่น่าฉงนสงสัย สื่อเองก็คงฉงนสงสัยว่า พื้นที่ทับซ้อน จริงๆ แล้วเป็นของใคร เมื่อที่ทับซ้อนยังตกลงไม่ได้ ยังไม่มีอาณาเขต แล้วเราเข้าไป ใครจับเรา และ เขามีสิทธิ์ในการจับหรือไม่ และพื้นที่ดังกล่าวถูกยึดครองโดยพฤตินัยหรือไม่ อันนี้พวกเราต้องช่วยกันหา อยากฝากทุกคนที่แสดงความหวังดี ในการรักชาติต้องระมัดระวังตรงนี้ เพราะอันตรายมาก มีกับระเบิดของเก่ามากมาย และของใหม่มีวางหรือไม่ ตนไม่ทราบ อันตรายมาก
ผู้สื่อข่าวซักว่าจะส่งเครื่องบินขับไล่ หรือเครื่องบิน เอฟ ไปลาดตระเวนบริเวณนั้นบ้างหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า “บินอยู่แถวนั้นอยู่แล้วครับ “
ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังเตือนผู้ที่จะเข้าไปเคลื่อนไหวบริเวณเขาพระวิหารว่าจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะในพื้นที่ดังกล่าวยังมีกับระเบิดอยู่และควรพิจารณาถึงกฎหมายระหว่างประเทศด้วย
ด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวในการสัมมนาปราสาทพระวิหารวาระแห่งชาติ โดยยกย่อง 3 คนไทยที่ถูกกัมพูชาจับตัวไป หลังออกมาทวงคืนปราสาทพระวิหารว่า เป็นนักรบตัวจริง และสนับสนุนให้ปฏิบัติการเชิงรุกด้วยการจัดตั้งอาสาสมัครเข้าไปในพื้นที่ โดยยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์มาก เพราะที่ผ่านมาถึงแม้จะเป็นรัฐบาลทหารเผด็จการก็ยังไม่เคยเอาแผ่นดินไปขาย พร้อมเห็นใจที่ทหารได้รับทราบรายงานทุกอย่าง แต่ดำเนินการไม่ได้ เพราะไม่มีคำสั่งจากรัฐบาล
ด้าน นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้แสดงเอกสารลับกระทรวงมหาดไทยปี 2505 เกี่ยวกับการปักปันเขตแดนหลังมีมติศาลโลก และหลังจากนั้นได้มีมติ ครม.จัดทำป้ายเขตแดนและทำรั้วลวดหนาม จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ทำจดหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีคนกัมพูชามาสร้างบ้านในพื้นที่ไทย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเมินเฉยและปล่อยให้รื้อประตูเหล็กและลวดหนามออก
