“ชูศักดิ์” เลือดเข้าตารับไม่ได้ข้อหา “อาชญากรแก้ รธน.-ปัญหาอยู่ที่ผู้ใช้รธน.” แกว่งปากด่า “จรัญ” และ “อักขราทร” 2 ตุลาการก้าวก่ายอำนาจบริหาร ตะแบงอ้างเหตุจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ ชี้มรดกคณะรัฐประหารเกลียดชังพรรคการเมือง และส.ส.ถูกกลั่นแกล้ง
วันนี้ (15 ก.ค.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ว่า การที่พรรคพลังประชาชนจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงเปิดประชุมสภาฯ สมัยนิติบัญญัติ จะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งในบ้านเมืองว่า พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ส.คงต้องคุยกันให้ตกผลึกมากกว่านี้เสียก่อนว่าจะแก้ไขบางมาตรา หรือแก้ไขทั้งฉบับ และต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้องถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องแก้ไข
“เท่าที่สอบถามนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อเย็นวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา เข้าใจว่าจะให้เป็นเรื่องของรัฐสภา ให้ ส.ส.เข้าชื่อเสนอแก้ไขตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ผมเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาล ส.ส. ส.ว. และแม้กระทั่งฝ่ายค้านควรมานั่งคุยกันว่าสมควรต้องแก้ไขอย่างไร เสียงที่ออกมาคงไม่เอกฉันท์ แต่เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็เดินหน้าชี้แจงไป ก็จะเป็นประโยชน์” นายชูศักดิ์ กล่าว
ต่อกรณีที่ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ระบุว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวปัญหา ตัวปัญหาอยู่ที่ผู้ใช้รัฐธรรมนูญมากกว่า นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พวกเรารับไม่ได้กับที่มาที่ไปของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มาจากการปฏิวัติ และยังมองพรรคการเมืองและนักการเมืองเลวร้ายไปหมด และเท่าที่ฟังข่าวมีตุลาการบางคนถึงกับบอกว่าจะให้อาชญากรแก้รัฐธรรมนูญหรือ เป็นการแสดงถึงวุฒิภาวะและใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินไป
“ฝากไปถึงตุลาการท่านนั้นด้วยว่า คุณใช้คำพูดไม่ได้เรื่อง ถ้าผมถามกลับไปว่าคุณร่างรัฐธรรมนูญเองแล้วมาเป็นองค์กรอิสระเอง ไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นการกระทำแบบไหน คนชั้นใดร่างกฎหมายก็เพื่อประโยชน์ของคนชั้นนั้น ขณะที่คุณร่างกฎหมาย คุณเป็นอะไรอยู่ แล้วคุณก็กลับมาเป็นอันนี้ หรือเป็นอันนั้นต่อไป ผมไม่อยากใช้ถ้อยคำรุนแรงถึงขนาดนั้น” นายชูศักดิ์ กล่าว และย้ำว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีอคติกับพรรคการเมือง และนักการเมืองเกินกว่าที่ควรจะเป็น การเสนอแก้ไขไม่ได้ใช่ทำแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม แต่ต้องการให้สังคมคิดว่าเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาต่อการบริหารงานของรัฐบาล และการดำรงตำแหน่งก็ต้องแก้ไข
ส่วนความพยายามรื้อองค์กรอิสระ และตุลาการ จะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไปรื้อหรือลดบทบาทการตรวจสอบขององค์กรอิสระ การตรวจสอบยังต้องมีต่อไป แต่เวลานี้มีการดึงสถาบันตุลาการมาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากไป การสรรหาองค์กรอิสระอยู่ในกำมือคนเพียง 5 คน อย่างไรก็ตาม การที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนไปยื่นถอดถอนคณะกรรมการ ป.ป.ช. และประธาน กกต.และยื่นตรวจสอบ ส.ส.และ ส.ว.บางส่วน ว่าถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็เป็นสิทธิของเขา
“ส.ส.และรัฐมนตรีเองถูกตรวจสอบแล้ว ถ้าอีกฝ่ายจะขอตรวจสอบบ้าง เป็นเรื่องสิทธิโดยชอบธรรมที่เขาพึงจะกระทำได้ และถ้าจะตรวจสอบ ส.ส.พรรคพลังประชาชนด้วยก็ไม่ว่า เพราะตอนนี้ก็ตรวจกันมั่วหมดแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการดิสเครดิต หรือสร้างความแตกแยก ทุกวันนี้ผมเห็นใจ ส.ส.ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ครั้นพอจะทำเขาบ้างก็ถูกกล่าวหาเป็นอาชญากร” นายชูศักดิ์ กล่าว