“บุญสร้าง” ยันว่ากล่าว-ตักเตือน “ปฐมพงษ์” แล้ว ชี้เป็นเพียงโทษทางวินัยไม่ใช่โทษทางอาญา เตือน “หมัก” จ่อแก้รัฐธรรมนูญระวังผลลัพธ์เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ด้าน “โฆษกกลาโหม” ยันไร้ความคืบหน้าเพราะกระบวนการสอบสวนเพิ่งเริ่มต้น
วานนี้ (14 ก.ค.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่กระทรวงกลาโหมตั้งกรรมการสอบ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพไทยว่า เป็นเรื่องการพิจารณาของคณะกรรมการ ส่วนตนในฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ สังกัด ได้พิจารณาโทษทางวินัยไปแล้ว คือการว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งไม่ใช่โทษทางอาญา ต้องแยกออกจากกันเป็นอีกเรื่อง เพราะโทษทางวินัยของทหารระดับอัตราจอมพลทำได้อย่างเดียว คือว่ากล่าวตักเตือน ส่วนการตั้งกรรมการสอบเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของหน่วยเหนือเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้วิกฤติของประเทศนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เป็นเรื่องการเมือง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ลึกซึ้ง และมีผลตามมามากมาย ตนเป็นทหารไม่อยากแสดงความเห็น เดี๋ยวผิดพลาด
ด้าน พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากเสนอความเห็นมากนัก เพราะจะกระทบต่อรูปคดี อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนตามกระบวนการเพิ่งเริ่มต้น เพราะเป็นวันแรกของการทำงาน ดังนั้นจึงยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก ทั้งนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการในการพิจารณาตามกฎหมายอาญาทหารที่สามารถเอาผิดนายทหารได้ทุกระดับชั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการกำลังพิจารณาที่นำกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ.2454 ในมาตรา 32 และ 33 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกรวมอยู่ด้วย ผนวกกับข้อบังคับกลาโหม พ.ศ.2499 ว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง ในข้อ 8.1 ข้าราชการกระทรวงกลาโหมต้องไม่กระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามดังนี้ (2) ไม่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล (3) ไม่แต่งเครื่องแบบทหารไปร่วมชุมนุมในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
นอกจากนี้ ยังมีข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการเข้าสมาคม เข้าศึกษา หรือบอกความในราชการ พ.ศ.2510 ที่ระบุว่า ห้ามข้าราชการกลาโหม นอกจากข้าราชการการเมืองเข้าเป็นสมาชิกร่วมประชุม หรือฟังการบรรยายเผยแพร่กิจการ หรือช่วยเกลี้ยกล่อมโฆษณาวัตถุประสงค์ของสมาคม สโมสร องค์การใด หรือไปบรรยายไปแสดงให้แก่สมาคม สโมสร องค์การใด ที่มิใช่เป็นของทางราชการทหาร หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งสามารถเอาผิดกับข้าราชการทหารได้ทุกระดับชั้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะเอาผิด พล.อ.ปฐมพงษ์ ถึงขั้นใด