เมืองใหม่สังคมใหม่ (1)
@ แสงเรื่อเรื้อง รังสี
ปลุกวิถี ทั่วหล้า
ชีวิตมี ชีพใหม่
ตื่นขึ้นท้า ทุกข์ผอง
ภพผ่องสร้าง อหิงสา
หลอมศรัทธา ทั่วด้าน
จรดเวหา ทุกแห่ง
คนนับล้าน ลุกเห็น
เป็นเพื่อนผู้ ผูกพัน
ร่วมฝ่าฝัน ฝ่าสู้
ร่วมยืนยัน ยืนหยัด
ร่วมรู้รู้ ร่วมแระ
@ จึงสว่างกระจ่างประจักษ์แสดง
จะทาบจะทอจะทิ่มจะแทง อธรรมสูญ
อุปสรรคจะหน่วงจะหนักจะพูน
จะเพิ่มทยอยมิล้ามิถอย เพราะเลือดไทย
@ คล้ายเรายังเฝ้ารบ
ไม่รู้จบเหมือนขาดใจ
กว่ามีวิถีใหม่
ท้ายที่สุดแทบทรุดซวน
ข้าศึกมันฮึกเหี้ยม
ตราบอ้ายเหลี่ยมยังลอยนวล
แสยะยิ้มกระหยิ่มยวน
ต่อมสำนึกมิสึกหรอ
เงินนำถืออำนาจ
ทหารขลาดเข้าเคลียคลอ
หางส่ายน้ำลายสอ
ทำโหลยโท่ยรอโปรยทาน
เหลียวหากองผ้าถุง
แย่งสวมนุ่งยิ้มหน้าบาน
อื้อฮือนี่คือทหาร
หรือว่าทะโหงกระโปรงย้วย?
บ่าพราวเห็นดาวสะพรั่ง
ไหงงงงั่งนิ่งงงงวย
เขาเราถูกเขาฉวย
มัวฉวยแย่งสะโหร่งใย?
ผืนดินนั้นมีตา
และผืนฟ้านั้นมีใจ
รู้เห็นว่าเป็นใคร
มันขายชาติหวังฟาดเงิน
หลบมุมในหลุมกอล์ฟ
ที่ชื่นชอบสบาย...เชิญ
พวกกูจะก้าวเดิน
ไปทวงเขาไปเอาคืน
สองมือกูคือดาบ
กี่เลือดอาบก็หยัดยืน
ใจเป็นเสมือนปืน
พลังต่างกระสุนรัว
หญิงชายถวายจิต
ทุกชีวิตถวายตัว
สู้ตายถวายหัว
ไม่หดหายอยู่ใต้กระดอง
@ ทุกทุกเพื่อนเกลื่อนกล่นคืนคนกล้า
แม้เมฆฝนบนฟ้ายังลอยฟ่อง
ถึงลมแดงแรงจัดโหมพัดคะนอง
แม้ยังต้องยืนต้านอยู่นานยาว
ขอย้ำว่าอย่าหมองอย่าร้องไห้
อย่าถอดใจถึงเจ็บอย่าเหน็บหนาว
อย่าอ่อนเอนเซ่นสรวงเหล่าดวงดาว
อย่าหิวหาวหิวห่วงอย่าง่วงนอน
โน่นเบื้องหน้าอาทิตย์อุทัยอาบ
สีทองทาบธงทิวโบกพลิ้วสลอน
เป็นภาพช่วยอวยชัยมาให้พร
ให้เลื่องชื่อลือกระฉ่อนแด่(การรบ)ชัยชนะ!
ให้เลืองชื่อลือกระฉ่อนแด่ชัยชนะ
คมทวน คันธนู
“คมทวน คันธนู” เป็นกวี นักเขียนเรื่องสั้น บทความ และนวนิยาย ชื่อจริง “ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร” เกิดเมื่อ พ.ศ.2493 ที่กรุงเทพฯ เป็นเจ้าของหนังสือ “นาฏกรรมบนลานกว้าง” ได้รับรางวัลซีไรต์ โดยได้รับการยกย่อง ว่า มีความสามารถแต่งคำประพันธ์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งฉันท์ เพลงพื้นบ้านมาประยุกต์ได้อย่างกลมกลืน ปัจจุบันอยู่ระหว่างพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัดสมอง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา