“นพดล” เข้าชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันแถลงการณ์ร่วมฯ ที่เซ็นมากับมือไม่เข้าข่ายมาตรา 190 ผวาคอพาดเขียงบินด่วนแคนาดา ขอเลื่อนประชุมคณะกรรมการมรดกโลก หวังยื้อชีวิตเปิดเจรจาเขมรขอยื่นจดทะเบียนเขาพระวิหารร่วม ไม่วายโยนขี้ อ้าง “รัฐบาลสุรยุทธ์” กรุยทางลงนามอนุสัญญารับปากหนุนเขมรไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ศาล รธน.นัดพิจารณาคำร้องอีกครั้ง 7 ก.ค.นี้
วันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะได้ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง ในการเข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี ส.ส.และส.ว.ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่าแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา กรณีสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ฉบับลงวันที่ 18 มิ.ย.2551 ที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของสภาหรือไม่
ทั้งนี้ ภายหลังชี้แจง นายนพดล ให้สัมภาษณ์ว่า แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่สนับสนุนการขึ้นทะเบียบเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะแถลงการณ์ร่วมที่ได้มีการลงนามไปเราไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างนิติสัมพันธ์ จึงไม่ถือว่าเป็นหนังสือสัญญา ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ก็ไม่ได้มีกระทบต่อดินแดน หรือเขตแดน โดยไทยไม่ได้เสียและกัมพูชาก็ไม่ได้ จึงไม่ถือว่าเข้าข่ายองค์ประกอบมาตรา 190 ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ที่ต้องขออนุมัติต่อรัฐสภา
นอกจากนั้น นายนพดลได้แจ้งต่อผู้สื่อข่าวด้วยว่า ได้ขอยกเลิกการแถลงข่าวในช่วงบ่ายที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะในประเด็นที่อยากจะชี้แจงก็คือ การเดินทางไปที่แคนาดาในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ค.) ตนก็จะไปขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกออกไปก่อน และไปยืนยันว่าไม่ให้มีการใช้แถลงการณ์ดังกล่าว ในการสนับสนุนกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร ซึ่งการขอเลื่อน ก็เพื่อที่จะให้ไทยกับกัมพูชาได้มีโอกาสเจรจากันใหม่ ในส่วนที่ไทยอยากจะขอขึ้นทะเบียนมรดกร่วมกับกัมพูชาในส่วนของส่วนควบรวมของปราสาทเขาพระวิหาร
นายนพดล กล่าวต่อว่า แต่ทั้งนี้สิ่งที่ตนเป็นห่วงก็คือ ก่อนหน้านี้ในวันที่ 23 มิ.ย.-2 ก.ค.50 ที่พล.อ.สุรยุทธ์ เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ คณะกรรมการมรดกโลก สมัยประชุมที่ 31 เมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ได้มีการลงนามในมติ คณะกรรมการว่ารัฐภาคีได้ลงนามในมติตอนหนึ่งที่ระบุเนื้อหาว่า คณะกรรมการมรดกโลกรับทราบคำแถลงของประธานคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งคณะผู้แทนกัมพูชาและไทยได้เห็นพ้องด้วย
ทั้งนี้ นายนพดลได้นำเอกสารอนุสัญญาฯ ดังกล่าวที่อ้างถึงซึ่งมีการแปลเป็นภาษาไทยมาแล้วอ่านให้ผู้สื่อข่าวฟังความว่า
“รัฐภาคีกัมพูชา และรัฐภาคีไทย เห็นพ้องอย่างเต็มที่ว่า ปราสาทพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ มีคุณค่าสากลที่โดดเด่น และจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยเร็วที่สุด ดังนั้น กัมพูชาและไทยตกลงกันว่ากัมพูชาจะเสนอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ ในสมัยประชุมที่ 32 ของคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2551 โดยการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากไทย”
นายนพดล กล่าวเสริมว่า ตรงนี้ทำให้ไม่มั่นใจว่าแม้ว่าตนไปขอถอนการใช้แถลงการณ์ร่วม ไทยกัมพูชาออกมาแล้วจะทำให้กัมพูชาไม่ได้ขึ้นทะเบียบเขาพระวิหารหรือไม่ เพราะสิ่งที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้ดำเนินการไปเป็นการบ่งชี้ว่าไทยพร้อมที่จะสนับสนุนกัมพูชาชึ้นทะเบียนเขาพระวิหารอย่างแข็งขันไว้ก่อนแล้ว
ด้าน นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับฟังคำชี้แจงของนายนพดลและคณะแล้ว โดยนายนพดลจะมีการยื่นเอกสารประกอบ ซึ่งคณะตุลาการฯ กำหนดนัดพิจารณาคำร้องต่อในวันจันทร์ที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากนายนพดล เขาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ก่อนเดินทางกลับได้หยุดให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่มารอทำข่าว แล้วถึงกับต้องผงะ!! เมื่อมี
บุรุษไร้นาม มายื่นถือป้ายประท้วงพร้อมตะโกนด่าไอ้ขายชาติ ๆๆๆ จนนายนพดล ต้องหยุดให้สัมภาษณ์ชิ่งขึ้นรถหนีกลับทันที