xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ชี้การเมืองไทยพึ่งได้แค่ตุลาการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประพันธ์ คูณมี
“ประพันธ์” ชี้การเมืองเปลี่ยน ฉุดสถาบันที่มีอำนาจเริ่มอ่อนแอ ขาดองค์กรมีอำนาจตัดสินใจชี้นำเด็ดขาด โดยเฉพาะทหารปล่อยให้นักการเมืองโกงชาติ เอาอธิปไตยไปขาย แบ่งแยกประชาชนออกเป็น 2 ส่วน ระบุ มีเพียงตุลาการที่พึ่งได้ เตือนพี่น้องพันธมิตรฯอย่าอ่อนแอ เพราะอำนาจเงินทักษิณพยายามแทรกแซงตลอด ย้ำถ้าทุกพลังเดินไปพร้อมกัน พันธมิตรฯ ต้องชนะแน่นอน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย 

วานนี้ (30 มิ.ย.) เวลาประมาณ 19.30 น.นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ขอคารวะพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนที่มีใจต่อสู้ ถึงแม้จะล่วงเลยมาถึงวันที่ 37 แล้ว แต่ก็ยังเชื่อมั่นใจชัยชนะ ซึ่งที่ผ่านเห็นชัดแล้วว่า พี่น้องพันธมิตรสะสมชัยชนะมาอย่างต่อเนื่อง ย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ธรรมศาสตร์ ถนนราชดำเนิน จนมาถึงทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ที่ขยายความกว้างขวางและยิ่งใหญ่มากขึ้นทุกวัน

โดยเฉพาะการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ ก็เป็นชัยชนะของพวกเรา ที่เสนอต่ออายุ คตส.ซึ่งถือเป็นการกระทำโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะส่งฟ้องคดีไปเพียง 4 คดี จากคดีทั้งหมด 24 คดี แต่ก็เชื่อว่าจะยังไม่ตกไป เพราะได้ส่งหน้าที่การตรวจสอบทุจริตให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่อยู่ข้างเราตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ภารกิจของเราที่จะเอาแผ่นดินกลับคืนมาและเอานักการเมืองชั่วติดคุก ยังเป็นภาระที่เรายอมแพ้ไม่ได้ พี่น้องทุกคนต้องผนึกกำลังใจกันให้เหนี่ยวแน่นเดินหน้าสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด

“ที่ผ่านมา มีพี่น้องพันธมิตรฯ ถามเข้ามาเสมอว่า เราจะชนะไหม แล้วบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ไหม ทำไมรัฐบาลหน้าหนาถึงไม่ยอมออกไปสักที ก่อนอื่นต้องเรียนพี่น้องก่อนว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน และแต่ละครั้งก็มีลักษณะพิเศษที่ต่างกัน แต่ที่เหมือนกัน คือ ทุกครั้งที่เรามาชุมนุมเรือนหมื่นเรือนแสน และอยู่บนความถูกต้องชอบธรรมจะชนะเสมอไป” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้การเมืองเราเปลี่ยน โลกเปลี่ยน จิตใจคนเปลี่ยน ทำให้สถาบันที่มีอำนาจเปลี่ยนแปลงเริ่มอ่อนแอ ไม่มีองค์กรใดมีอำนาจตัดสินใจชี้นำเด็ดขาดอย่างเช่นในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทหารที่มีอำนาจเด็ดขาดไม่ปล่อยให้นักการเมืองโกงชาติหรือเอาอธิปไตยไปขาย ซึ่งทุกวันนี้ ทหารทีความลังเลไม่เด็ดขาด แม้แต่กรณีปราสาทพระวิหาร "นพดล" ยังสั่งให้ทหารหุบปากได้ แสดงให้เห็นว่า สถาบันทหารวันนี้ ไม่มีความชอบธรรมสูง ที่มาดำเนินกลไลทางการเมืองไม่ได้

ส่วนเรื่องของการเมือง หรือรัฐสภา เองก็ไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาด เพราะสภาผู้แทนทุกวันนี้ บางคนทำตัวตกต่ำไร้คุณธรรมให้พี่น้องประชาชนนับถือไม่ได้ พรรคพลังประชาชนที่มีเสี่ยงส่วนมากก็ไม่มีความชอบธรรม ทำตามอำเภอใจหาผลประโยชน์ให้กลุ่มของตัวเอง ทำให้การเมืองอ่อนแอ ไม่สามารถชี้นำได้เหมือนในอดีต แต่ดีที่ยังมีเรา พี่น้องพันธมิตรทุกคนร่วมกันคัดค้านและเปิดโปงความชั่ว

สำหรับประชาชนเอง อยู่ๆ ก็ถูกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยการใช้อำนาจทางการเมืองสร้างกลุ่มคนขึ้นมาใส่ร้ายฝ่ายที่ต่อสู้เพื่อประเทศชาติแล้วสร้างความชอบธรรมให้กลุ่มของตัวเอง แต่พี่น้องพันธมิตรก็ยังเข้มแข็งกว่า ดังนั้น วันนี้พี่น้องพันธมิตรจึงเป็นแกนนำหลักของพี่น้องที่รักประชาธิปไตยทุกคน

แต่อย่างไรก็ตาม ตุลาการถือเป็นสถาบันที่ยังเหลือเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ที่เงินกี่ล้านกี่ล้านก็ไม่สามารถซื้อได้ ทั้งศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนุญ และศาลยุติธรรม แต่ยังไงก็ประมาทไม่ได้เพราะอำนาจของทักษิณพยายามเข้ามาแทรกแซงตลอดเวลา อย่างเช่น ต้นทางของระบบศาลที่ถูกทักษิณซื้อไปแล้วทุกส่วน นั่นคือ อัยการสูงสุดและตำรวจ ที่ถูกซื้อไปมากกว่าครึ่งแล้ว โดยเฉพาะตำรวจที่รับใช้ระบอบทักษิณมาโดยตลอด ฉะนั้น เราต้องยืนหยัดเข้มแข็ง เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เขาบิดเบือนเราไม่ได้

ส่วนอัยการสูงสุด ถือเป็นกระบวนการยุติธรรมที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ตั้งแต่หลังปฏิวัติและมีการแต่งตั้ง คตส.ขึ้นมาเขารับฟ้องหมด เพราะเกรงว่าทักษิณคงจะกลับมายาก แต่ช่วงหลังนี้กลับสั่งไม่ฟ้องหมด ซึ่งพฤติกรรมของอัยการสูงสุดและรองอัยการทั้ง 3 คน ผมรู้จักเป็นอย่างดีว่าเป็นยังไง ถ้ายังไม่อยู่บนความยุติธรรม ผมเองจะพาพี่น้องไปกระชากหน้ากากออกมาให้หมดเอง เพราะไม่มีเหตุผลในการทำงานที่จะตั้งธงไม่ฟ้องทุกเรื่องที่ คตส. ส่งมา

“วันนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงได้คนเหล่านี้ถึงได้เข้าไปนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ แต่ถ้ายังทำแบบนี้ อนาคตจะสิ้นญาติขาดมิตรกับประชาชนในที่สุด” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า สิ่งที่จะชี้ขาดว่าที่ผ่านมาเราชนะแล้ว คือ ความเข้มแข็งของพี่น้องพันธมิตรฯทุกคน ดังนั้น ให้เรายืนหยัดต่อสู้ขยายแนวร่วมให้มากขึ้น ใครที่ไม่เข้าใจก็อย่าไปว่าเขา แต่ให้เอาเหตุผลที่เราเรียนใน ม.ราชดำเนิน มาอธิบายให้เขาเข้าใจ เพื่อเป็นกระทะทองแดง เป็นกำแพงป้องกันประเทศ และเป็นทหารของพระราชา-พระราชินี ต่อไป นอกจากนั้น ต้องเชื่อมั่นต่อแกนนำพันธมิตรฯ ผนึกความเข้มแข็งให้เหนียวแน่นทุกจังหวัด

“อยากจะฝากถึงพี่น้องทหารทุกท่าน เพราะวันนี้เราไม่ได้ถือปืนไปสู้กับใครที่ไหน แต่เป็นการสู้กับคนชั่วในประเทศของเราเอง คนชั่วที่เอาแผ่นดินไปขาย เอาอธิปไตยของตัวเองไปขายแบบนี้ เพราะคนที่จะฮุบเรา คือ กลุ่มทุนสามารที่ร่วมมือกับทักษิณเข้ามายึดธุรกิจทุกประเภท ตำรวจเองก็ฟังไว้ว่านี่เป็นอาวุธรูปแบบใหม่ ที่ใช้เงินเข้ามาล่าอาณานิคม” นายประพันธ์ กล่าว

ดังนั้น พี่น้องรู้แล้วว่าต้องรบกับใคร วันนี้จึงอยากฝากไปถึงเตือนพี่น้องทหารทุกคน ว่า พี่น้องประชาชนทุกคนที่นี่เข้าใจกันทุกคนแล้ว แต่เมื่อไหร่ท่านจะเข้าใจและมาร่วมกับเรา เพราะทหารทำอะไรโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนไม่ได้ ฉะนั้น เราต้องชักจูงให้ทหารมาร่วมกับเรา และหากรวมกับพลังแห่งความถูกต้องแล้ว เชื่อว่าจะทำให้เราชนะได้ไม่ยาก

นายประพันธ์ กล่าวปิดท้ายว่า วันนี้รัฐบาลกำลังดิ้นรนครั้งสุดท้าย ตัวทักษิณและเมียเองก็ดิ้นรนเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดคุก แต่ยิ่งคนเหล่านี้ดิ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเชือกที่รัดคอแน่นไปเรื่อยๆ ซึ่งคดีสินบน 2 ล้านเป็นหลักที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ดังนั้น พี่น้องทุกคนอย่าวิตกกังวล อย่าใจร้อน อย่าคิดว่าบุกทำเนียบวันนี้แล้วจะชนะ แต่ต้องถามตัวเองว่าบุกแล้วได้อะไร เราไม่อยากได้ชัยชนะบนซากปรักหักพัง ชัยชนะบนคราบเลือด แต่เราต้องการชัยชนะอย่างสันติ ดังนั้น ถ้าพลังทั้งหมดเดินไปพร้อมกันเราต้องชนะแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น